วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ตีลัญจกร




                  คำว่า ตีลัญจกร อาจารย์ศุภชัย จารุสมบูรณ์ เป็นผู้บัญญัติขึ้น   ตี เป็นคำกริยา หมายถึง กดให้เข้ากัน ลัญจกร เป็นคำนาม หมายถึงรูปแบบ ตราที่เอาไว้ประทับ
ตีลัญจกร คือ การกด รัด ทับ เชื่อม ตรงจุดต่างๆ ในมือเราให้เกิดเป็นรูปลักษณ์ใดรูปลักษณ์หนึ่ง หรือที่เราเรียกว่า แผงวงจรอิเลกทรอนิคในร่างกาย ให้เป็นเสาอากาศรับคลื่นจากพลังธรรมชาติเข้าสู่ร่างกาย การกินน้ำ กินอาหาร ล้วนแล้วแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังชีวิต หรือที่เราเรียกว่า พลังชี่ พลังคอสมิก พลังจักรวาล ฯลฯ
วิชานี้ศาสตร์การแพทย์แผนจีน เรียกว่า เทียน ฝ่อ เจิ้น คือ หัตถ์พุทธองค์ ศาสตร์นี้สามารถทำด้วยตัวเองไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมทำได้ทุกที่ทุกเวลา จะมีการสอนหัตถ์พุทธองค์ในวิชามนตราบำบัด ที่วัดโจคัง ประเทศทิเบต นั่นคือ ตีลัญจกรซึ่งเป็นศาสตร์หนึ่ง ในวิชามนตราบำบัด มนต์ทั้งหลายในโลกนี้ แบ่งเป็น 3 อย่าง คือ

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กายบริหารแกว่งแขน

      กายบริหารแกว่งแขนนี้ เป็นการออกกำลังเพื่อบริหารร่างกายที่มีประโยชน์มากวิธีหนึ่ง หลังจากการค้นพบตำราโบราณ"ตะหมออี้จินจิน"หรือ"คัมภีร์แก้ไขเลือดลม" ของปรมาจารย์โพธิธรรม(ตะหมอ) และเผยแพร่ตำรานี้ออกมาที่มหานครเซี่ยงไฮ้ของประเทศจีน ก็มีผู้นิยมทำกายบริหารแกว่งแขนนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โรคที่ไม่มีทางรักษาหายได้โดยการแพทย์แผนปัจจุบัน ก็สามารถใช้การบริหารแบบง่ายๆนี้รักษาให้หาย ขาดได้ ซึ่งมีประสิทธิภาพเป็นที่น่าอัศจรรย์
      กายบริหารแกว่งแขนนี้ทำง่าย หัดง่ายและเป็นเร็ว มีประสิทธิภาพในการบำบัดโรคได้รวดเร็วอีกด้วย โรคเรื้อรังทุกชนิดส่วนมากก็รักษาให้หายขาดได้โดยวิธีทำกายบริหารแบบนี้ อันที่จริงการเจ็บป่วยด้วยโรคชนิดใดก็ตาม ใช่ว่าจะเรื้อรังตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง ข้อสำคัญอยู่ที่ว่าเราจะต่อสู้กับโรคชนิดนั้น หรือไม่ หากเราตั้งใจเด็ดเี่ดี่ยวแน่วแน่ที่จะต่อสู้กับโรคร้ายที่เกิดขึ้น ให้ถึงที่สุดแล้วละก็ เชื่อแน่เหลือเกินว่าเราจะชนะและหายจากโรคร้ายอย่างแน่นอน
       การฝึกกายบริหารแกว่งแขนนี้ต้องยืนตรง ขาทั้งสองข้างยืดตรง เข่าไม่งอ ปลายนิ้วเท้าออกแรงจิก
ยึดอยู่กับพื้น ให้เท้าทั้งสองข้างมีระยะห่างกัน เท่ากับความกว้างของช่วงไหล่ แล้วแกว่งแขนทั้งสองข้างไปข้างหน้าและข้างหลัง ขณะที่แกว่งแขนไปข้างหลังให้ออกแรงมากหน่อย แล้วใช้แรงเหวี่ยง
แกว่งแขนไปข้างหน้าโดยไม่ต้องออกแรง แขนทั้งสองข้างเหยียดตรงไม่งอ สายตามองตรงไปข้างหน้า ทำจิตใจให้เป็นสมาธิ อย่าวอกแวก ตั้งใจนับ 1 ,2,3...ไปเรื่อยๆ การฝึกครั้งแรกควรเริ่มทำตั้งแต่
200-300  ครั้งก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มจำนวนครั้งขึ้นตามลำดับจนถึง 1,000-2,000 ครั้ง ใช้เวลาในการบริหารประมาณครั้งละครึ่งชั่วโมง คือเช้า กลางวัน และค่ำ(แกว่ง 500 ครั้งใช้เวลาประมาณ 10 นาที)
     
เคล็ดลับ ๑๖ ประการ ของกายบริหารแกว่งแขน คือ
       ๑. ส่วนบนควรจะปล่อยให้ว่าง หมายถึง ส่วนบนของร่างกายคือศรีษะ ควรปล่อยให้ว่างเปล่า อย่า
คิดฟุ้งซ่าน ควรทำอย่างตั้งอกตั้งใจ มีสมาธิแน่วแน่
       ๒. ส่วนล่างควรจะให้แน่น หมายถึง ส่วนล่างของร่างกายใต้บั้นเอวลงไป ต้องให้ลมปราณเดินได้สะดวก เพื่อให้เกิดพลังที่สมบูรณ์ ฉนั้นคำว่า"ส่วนบนว่างส่วนล่างแน่น" จึงเป็นตัวสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารแกว่งแขน หากเวลาฝึกไม่สามารถเข้าถึงจุดนี้ ก็จะทำให้ได้ผลลดน้อยลงไปมากทีเดียว
       ๓. ศีรษะควรให้แขวนลอย หมายถึง ศีรษะของท่านจะต้องปล่อยสบายๆ ประหนึ่งแขวนลอยไว้ในอากาศ กล้ามเนื้อคอจะต้องปล่อยให้ผ่อนคลาย ไม่เกร็ง ไม่ควรโน้มไปข้างหน้าหงายไปข้างหลัง หรือเอียงไปข้างๆ
       ๔. ปากควรปล่อยให้เงียบสงบตามปกติ หมายถึง ไม่ควรหุบปาก หรืออ้าปากไปตามจังหวะที่ออกแรงแกว่งแขน ไม่ควรให้ปากอ้าตามใจชอบ ควรผ่อนคลายกล้ามเนื้อโดยหุบปากเพียงเล็กน้อย คือไม่เม้มริมฝีปากจนแน่น
       ๕. ทรวงอกเหมือนปุยฝ้าย คือกล้ามเนื้อทุกส่วนบนทรวงอก ต้องให้ผ่อนคลายตามธรรมชาติ เมื่อกล้ามเนื้อไม่เกร็งก็จะอ่อนนุ่มเหมือนปุยฝ้าย
       ๖. หลังควรยืดตรงให้ตระหง่าน หมายถึงไม่แอ่นหน้าแอ่นหลัง หรือก้มตัวจนหลังโก่ง ต้องปล่อยแผ่นหลังให้ยืดตรงตามธรรมชาติ
       ๗. บั้นเอวควรตั้งตรงเป็นแกนเพลา หมายถึง บั้นเอวต้องอยู่ในลักษณะตั้งตรงเหมือนเพลารถ
       ๘. ลำแขนควรแกว่งไกว หมายถึงแกว่งแขนทั้งสองข้างไปมา
       ๙. ข้อศอกควรปล่อยให้ลดต่ำลงตามธรรมชาติ หมายถึง ขณะที่แกว่งแขนทั้งสองข้างไปข้างหน้าและข้างหลัง อย่าให้แขนแข็งทื่อ ควรให้งอศอกเล็กน้อยตามธรรมชาติ
      ๑๐.ข้อมือควรปล่อยให้หนักหน่วง หมายถึง ขณะที่แกว่งแขนทั้งสองนั้นควรผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ข้อมือ เมื่อไม่เกร็งแล้ว จะรู้สึกคล้ายมือหนักเหมือนลูกตุ้มถ่วงอยู่ปลายแขน
      ๑๑. สองมือนั้นควรพายไปตามจังหวะแกว่งแขน หมายถึง ขณะที่แกว่งแขนทำคล้ายกับท่าพายเรือ
      ๑๒.ช่วงท้องควรปล่อยตามสบาย หมายถึง เมื่อกล้ามเนื้อท้องผ่อนคลายแล้วจะรู้สึกแข็งแกร่งขึ้น
      ๑๓.ช่วงขาควรผ่อนคลาย ในขณะที่ยืนให้เท้าทั้งสองแยกห่างกันเท่ากับความกว้างช่วงไหล่
      ๑๔.บั้นท้าย(ก้น) ควรให้งอนขึ้นเล็กน้อย ระหว่างทำกายบริหารนั้นต้องหดก้น(ขมิบ)คล้ายกับยก
สูงให้หดหายไปในลำไส้
      ๑๕.ส้นเท้าควรยืนถ่วงน้ำหนักเหมือนก้อนหิน หมายถึง การยืนด้วยส้นเท้าที่มั่นคง ไม่สั่นคลอน
      ๑๖.ปลายนิ้วเท้าทั้งสองข้างต้องงอจิกแน่นกับพื้น เพื่อยึดให้มั่นคง

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ความสำเร็จ

บุคคลที่ประสบความสำเร็จ ในทุกวงการทุกสาขาอาชีพ มักจะมีการประพฤติปฎิบัติที่เป็นหัวใจใหญ่ๆ
อยู่ด้วยกัน 12 ข้อ คือ
      1. สนุกกับงานที่ทำ 
          คนเหล่านี้จะทุ่มเทเวลาในชีวิตให้กับงานมาก ดูเหมือนจะปิดเวลากับการที่จะไปสนใจอย่างอื่น
      2. มีทีท่าในทางบวกและมีความเชื่ิอมั่นมาก
          พวกเขาไม่เคยสงสัยเลยว่าพวกเขาจะล้มเหลวเมื่อจับงานอะไรมาทำ เมื่อจับงานอะไรแล้วจะ
          ยึดมั่นอย่างเต็มที่ต่อความมุ่งมั่นของตนเอง
      3. ใช้ประสบการณ์ในทางลบ
           เพื่อค้นหาความแข็งแกร่งของตนเองและนำมาใช้ประโยชน์กับงานที่ทำ
      4. เป็นนักตั้งเป้าหมายอย่างเด็ดขาดและมีระเบียบวินัย
          บุคคลเหล่านี้จะมีความคิดที่ชัดเจน ว่าเขาต้องการอะไรอย่างไรและพยายามเดินไปในทางที่ลัด
          ที่สุด เมื่อเขาได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้ว
      5. มีความซื่อสัตย์ และช่วยเหลือคนอื่นให้ประสบความสำเร็จ
      6. มีความเพียรพยายามอย่างยิ่ง
          แม้จะล้มเหลวสักกี่ครั้งก็ตาม ตัวอย่างมีให้เห็นเช่น Walt Disney ถูกปฏิเสธไอเดียของสวนสนุก
          Disneyland ถึง 302 ครั้ง, Howard Schultz เจ้าของ Starbucks ถูกธนาคารปฏิเสธ 242 ครั้ง,
          J.K.Rolling ผู้เขียนนวนิยายสุดฮิต Harry Potter ก็โดนสำนักพิมพ์ปฎิเสธนานหลายปีฯลฯ
      7. กล้าหาญที่จะเสี่ยง
          แม้จะทำอะไรผิดพลาดหรือล้มเหลว เขาไม่แยแส ไม่ท้อถอย เขาจะเสี่ยงทำต่อไปอย่างเดิม
          หรือไม่ก็อย่างอื่น ด้วยสติและจิตใจที่เข้มแข็ง
      8. พัฒนาการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น
           รวมทั้งการแก้ปัญหาต่างๆ เมื่อพบปัญหาใดๆที่แก้ไม่ได้ ก็กล้าที่จะขอคำแนะนำจากคนอื่น
      9. มักจะล้อมรอบด้วยบุคคลที่มีความสามารถ ความรับผิดชอบและการสนับสนุน
            เขาจะมีคนอื่นๆที่เขานับถือเชื่อใจ ร่วมอยู่ด้วยเสมอ
      10. คำนึงถึงสุขภาพ
             เขาจะทำให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอยู่เสมอ จะแยกแยะเวลาทำงาน และพักผ่อนชัดเจน
      11. เชื่อมั่นในจักรวาล ในพระเจ้า สิ่งยึดเหนี่ยวทางใจหรือบางครั้งก็โชค
             มักจะไม่ให้เครดิตตัวเอง โดยพูดว่าเกิดในสถานะการณ์ที่ถูกต้อง
      12. มีจิตใจมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือสังคม
             แม้จะมีธุรกิจมากมาย บุคคลเหล่านี้มักจะอุทิศตัวเอง ทรัพย์สินเงินทองเพื่อช่วยเหลือสังคม
            เพื่อนฝูง คนที่ด้อยโอกาส หรือไม่ก็เข้าไปเกี่ยวพันทางการเมือง ทางวัฒนธรรมหรือวงการ
            ศิลปะ
ประการสำคัญที่สุด คือต้องมีความเชื่ออย่างแข็งขันต่อความสำเร็จ 
        โดยต้องแสดงความเชื่อมั่นทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะคิด จะพูด จะวางท่าทีหรือการประพฤติปฎิบัติ ด้วยความมั่นใจและด้วยท่าทีของผู้ประสบความสำเร็จมาแล้ว   มีความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องพบกับความสำเร็จ คิด.. ทำ.. ปฎิบัติเหมือนกับคนที่ประสบความสำเร็จ
        ดร.อาจอง ชุมสาย ได้ให้ข้อคิดไว้ในหนังสือ"แนวทางสู่ความสุข" เกี่ยวกับความสำเร็จว่า
"เราจะตั้งใจตั้งแต่วันนี้ ที่จะเดินก้าวไปข้างหน้า..สู่ความสำเร็จในชีวิต เพื่อแสวงหาความสุขในตัวเรา
สร้างความรัก ความเมตตาในตัวเรา และแผ่เมตตาให้แก่เพื่อนมนุษย์ เพื่อความสงบสุขของทุกๆคน"

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สมาธิ-kama

วันนี้ได้ไปเจอบันทึกเก่าๆของผมเอง(สมัยยังเรียนมัธยมฯประมาณ ๔๐ ปีก่อน) ที่ได้บันทึกเรื่องราว.. ข้อคิด..คติธรรม.. บทกลอนต่างๆเอาไว้มากมาย ได้อ่านแล้วหลายเรื่องเห็นว่าน่าจะเป็นสาระได้บ้าง
จึงขอนำมาแบ่งปันกันไว้ณ.ที่นี้ อาจจะอ่านเพื่อความบันเทิงหรือเพื่อความรู้ ก็เชิญตามอัธยาศัยครับ
สำหรับหัวข้อในวันนี้ก็เกี่ยวกับเรื่องการเสพ... คือ

๑. เสพสมาธิ = เป็นความสุขถาวร,บรมสุข,เป็นสุขไม่มีทุกข์เจือปน
     เสพกาม   = เป็นความสุขชั่วครั้งคราว,ไม่ถาวร,เป็นสุขที่มีทุกข์เจือปน
๒. เสพสมาธิ = ไม่เบื่อหน่าย
     เสพกาม   = บางคณะเกิดการเบื่อหน่าย
๓. เสพสมาธิ = เป็นความสุขที่ลดกิเลส
     เสพกาม   = เป็นความสุขที่เพิ่มกิเลส
๔. เสพสมาธิ = เป็นความสุขที่ลดภาระ
      เสพกาม  = เป็นความสุขที่เพิ่มภาระ
๕. เสพสมาธิ = ความสุขที่ไม่ต้องลงทุนด้วยทรัพย์สิน
     เสพกาม   = ความสุขที่ต้องลงทุนมาก จึงจะมีคู่ครองได้สมปรารถนา
๖. เสพสมาธิ = ความสุขที่ปราศจากการวิวาท
     เสพกาม   = ความสุขที่อาจเกิดการวิวาทได้ในบางขณะเพราะฝ่ายหนึ่งยังไม่พร้อมที่จะสนอง
                         จึงมีการอย่าร้างกันบ่อยๆ
๗. เสพสมาธิ = ออกจากสมาธิแล้วยังมีความสุขอีกนาน มีสุขภาพทางจิตสูง
     เสพกาม   = พ้นจากการเสพแล้ว เจือด้วยทุกข์ บางครั้งจิตใจและร่างกายทรุดโทรม
                         สุขภาพทางจิตเสื่อมโทรมลง บางคนหัวใจวายก็มี ตายทันทีก็มี
๘. เสพสมาธิ = ทำสมาธิได้ทุกเวลา หาความสุขได้ตลอดวัน
     เสพกาม   = ทำไม่ได้ทุกเวลา
๙. เสพสมาธิ = ภิกษุ ๔๐๕ รูป ประชุมสัมนาที่วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ 
                         ท่านนั่งหาความสุขพร้อมกันในสมาธิได้
     เสพกาม   = ทำพร้อมกันจำนวนมากไม่ได้ ผิดกฏหมาย//..
     อ้างอิง// พระปัญญาคุณ ปุณณะวังโส (ช.ล.ศ.)

ความสุขสงบของครอบครัวโบราณ
              มีคู่เคล้ามีข้าวกินสิ้นความทุกข์                    เสวยสุขในมนุษย์ดุจสวรรค์
              มีลูกสืบมรดกตกเป็นธรรม์                            สืบพงศ์พันธุ์เราสุขหมดทุกข์ใจ....นิรนาม
   
บุตร   =  ผู้ชำระหัวใจพ่อแม่ให้บริสุทธิ์
โอรส =  ลูกเกิดมาจากเลือดในอกของพ่อแม่

สตฺโต วิเสโส มนุสฺโส  - มนุษย์เป็นสัตว์วิเศษสุด
วิชฺชา วิเสโส โปสัสฺส   - วิชาความรู้ทำคนให้เป็นผู้วิเศษ
ทนฺโต เสฎโฐ มนุสฺเสสุ - จำพวกมนุษย์ คนที่ฝึกฝนอบรมปรับปรุงแก้ไขตัวเองได้ เป็นยอดคน

"ถูกต้อง! ความชั่วไม่มีวันตาย...เพราะถ้าความชั่ว ตายไปจากโลกนี้
เราจะเอาอะไรมาเปรียบเทียบว่า.สิ่งนั้นคือความดีเล่า?".

วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ขอวีซ่าพม่า...ไม่ยากอย่างที่คิด

         นักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะเดินทางไปประเทศพม่า ต้องขอวีซ่าก่อนการเดินทางที่สถานทูตพม่า ซึ่งหลายท่านเป็นกังวลเกี่ยวกับการขอวีซ่าว่ามีขั้นตอนอย่างไรและจะยากหรือเปล่า? 
ตามผมมาเลยครับ............
อันดับแรก...ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม ดังต่อไปนี้
1. หนังสือเดินทาง หรือ passpot ที่ยังมีอายุใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
2. สำเนาหนังสือเดินทาง 1 ใบ
3. รูปถ่ายสี ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป (พื้นหลังเป็นสีขาวเท่านั้น)
4. แบบฟอร์มการขอวีซ่าของสถานทูตพม่า ที่มี 2 หน้า ซึ่งสามารถดาวน์โหลดและพิมพ์ลงกระดาษ 
    A4 (หน้า-หลัง) ได้เลย ใช้ถ่ายสำเนาจากต้นฉบับก็ได้เหมือนกัน 


จากนั้น กรอกรายละเอียดต่างๆที่ถามอยู่ในแบบฟอร์มเป็นภาษาอังกฤษให้ครบถ้วน แล้วติดรูปถ่ายให้เรียบร้อย อีก 1 รูปใช้คลิปหนีบรวมกับสำเนาหนังสือเดินทาง และสอดไว้ในหนังสือเดินทาง จึงเป็นอันว่าเตรียมเอกสารเรียบร้อย

วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อรุโณทัย

                                                 
                              ธรรมชาติดูงามตา                              รุ่งอุษากลางป่าเขา
                       พฤกษาป่าลำเนา                                เงาไม้ทาบลงกับดิน
                       แสงทองส่องหล้า                                ทั่วเวหาแนวผาหิน
                       เสียงน้ำตกไหลริน                               ยินดังแว่วแผ่วแผ่วมา
                       สกุณาร่าเริงร้อง                                  บินขึ้นสู่ท้องเวหา
                       วิหคนกนานา                                       คราพร่ำเรียกเพรียกพงไพร
                       ดวงอาทิตย์กลมโต                             โผล่ขึ้นพ้นยอดทิวไม้
                       งามยิ่งมิมีสิ่งใด                                   ไหนปานเมื่อเทียบเปรียบกัน
                       ส่องแสงสีทองทา                                 กลางพนาให้เปลี่ยนผัน
                       กลางคืนเป็นกลางวัน                          อันสดชื่นและรื่นรมย์
                       น้ำค้างดูงามตามยอดหญ้า                  วะวับตาแสนสุขสม
                       ยอดไผ่พริ้วเอนเล่นลม                        ชมธรรมชาติงามยามอรุโณทัย
                                                                                                                               
                                                                เฝ้าคอย

                                        คอยแต่เฝ้า     เฝ้าแต่คอย    ให้หงอยเหงา
                                        ช้ำใจเรา          เราใจช้ำ        พร่ำเฉลย
                                        อยู่เคียงใกล้   ใกล้เคียงอยู่   กับคู่เชย
                                        พลันห่างเลย   เลยห่างพลัน  พรากกันไกล
                                        รอคอยเจ้า       เจ้าคอยรอ     ขอใจภักดิ์
                                        คิดถึงรัก         รักถึงคิด        จิตหวั่นไหว
                                        ร้าวรานยิ่ง        ยิ่งรานร้าว      เศร้าดวงใจ
                                        รักคนไกล       ไกลคนรัก      จักเฝ้าคอย...

                                                                                            "ทรัพย์กวี"        

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้

** ต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้ **      
1.ฝันให้ใหญ่..ใหญ่สุดๆ Imagination is Power ถ้าเราตั้งเป้าไว้ว่าจะบินให้ไปถึงดวงดาว  แต่แล้วเราไปถึงได้แค่ยอดเขา เราก็ยังถึงที่สูงกว่าที่เราเป็นอยู่ตอนนี้มากมายนัก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เคยกล่าวข้อความที่คนทั้งโลกรู้จักกันดีว่า“Imagination is more powerful than knowledge” หรือ
จินตนาการมีพลังกว่าความรู้นั่นคือการใช้จินตนาการเป็นพลังสร้างฝันให้เป็นจริง
2. มนุษย์จะพัฒนาการไปตามอย่างที่ตนคิด As a Man Thinks,He is ทุกอย่างเริ่มที่ความคิดเท่านั้น ข่าวดี ก็คือ คุณสามารถเปลี่ยนอนาคตของคุณได้ โดยการเปลี่ยนความคิดของคุณ นับแต่นี้เป็นต้นไป
3. วิ่งหนึ่งไมล์ในสี่นาที 4-Minutes Mile ตัวคุณเองลองวิ่งหนึ่งไมล์ใน4นาทีบ้างสิครับด้วยเรื่องง่ายๆเช่นออกกำลังกาย ลดน้ำหนักทำอะไรที่คิดว่าตัวเองทำไม่ได้หรือเกี่ยงมานาน    
4. ใช้หัวใจเลือกอนาคต Do What You Love, and the Money Will Follow    ทำสิ่งที่ตนรักแล้วเงินจะตามมาเอง
5. เดินหน้าหาทาง Do What You Can, Where you can ส่วนที่ผมสนใจมากคือชีวประวัติของวาทยกรที่ยิ่งใหญ่ของโลกแต่ละคน
6. รียนรู้อย่างรวดเร็วเพื่อเอาชนะ Super-Learning หาสิ่งที่เป็นผลงานของคนที่เก่งที่สุดในสาขาที่คุณสนใจมาศึกษาเลียนแบบปรมาจารย์ทำให้เรียนรู้ได้เร็วขึ้นไม่ต้องมาเสียเวลากับเรื่องที่คนทำได้กันแล้วทำให้เรา ต่อยอดได้เร็วขึ้น มีเวลาคิดค้นเทคนิคใหม่ๆที่ยังไม่เคยมีใครทำกัน 
7. ฝ่าด่านอคติฝรั่ง Over-Prepare ผลงานต้องดีกว่า คือขีดที่ผมใช้ต่อสู้กับอคติ
8. เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม Profile Global, Act Local การทำงานร่วมกับคนจำนวนมากต้อง เก่งงาน”  เพื่อให้เขา ยอมรับต้อง เก่งคนเพื่อให้เขา ยอมฟังยอมทำตามกันเป็นทีม
9. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน Goal-Setting เป้าหมายเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดอันหนึ่งของความสำเร็จ    คุณต้องตั้ง เป้าหมายที่ชัดเจน วัดได้ แต่อย่าปล่อยให้ล่องลอยอยู่ในอากาศให้เขียนลงไป มันจะทำหน้าที่เป็น สารแห่งแรงบันดาลใจที่สร้างพลังและมักให้ผลตอบแทนสูงกว่าที่คิดเสมอ                                            
10. วางแผน เป็นเรื่องง่ายๆ Planning ไม่มีความรู้สึกอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการบรรลุเป้าหมาย      เพราะนั้นจะเป็นความรู้สึกที่จะทำให้คุณมีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น ข้อแตกต่างระหว่าง  ความฝันลมๆแล้งๆกับ ความมุ่งมั่นฝันใฝ่ถึงความสำเร็จก็คือ การวางแผนการวางแผนเป็นเรื่องง่ายๆ ระดับสามัญสำนึก(Common Sense) ถ้าตั้งเป้าหมายของคุณให้ชัดเจนและต้องการมันมาก อย่างเพียงพอ การวางแผนก็จะเป็นธรรมชาติ
11. สู้ตายตัดทางถอย Burn the Bridge Behind You ตราบใดที่เรายังไม่ตั้งปณิธานให้แน่วแน่ มัวแต่ประนีประนอมสร้าแผนสำรองและเปิดโอกาสให้ตนเองถอยได้ก็จะประสบความเร็จยิ่งใหญ่ ไม่ได้เลย ถ้าคุณมุ่งมั่นตัดสินใจทำอะไรแล้วให้ เผาสะพานทิ้งอย่าล้มเลิกกลางคัน
12. อ่าน อ่าน อ่าน What You Read, You are คุณต้องชั่งน้ำหนักระหว่างเรื่องที่ น่าอ่านกับเรื่องที่  ควรอ่านเพราะการอ่านก็คือการเพาะเมล็ดพันธุ์ทางความคิดเข้าไปในตัว ไม่มีอะไรคุ้มค่าไปกว่าการอ่านหนังสืออีกแล้วละครับ และที่สำคัญ ไม่มีอะไรมาแทนการอ่านหนังสือได้ด้วย 
13. ฝึกซ้อมในใจ Do Within When You are Without ไม่ว่าจะเป็นทักษะอะไรก็ตามการพูดในที่สาธารณะ นำเสนอแผนงานขายสินค้า เล่นเทนนิสคุณสามารถฝึกในใจได้ทั้งนั้น
14. ความรับผิดชอบ Responsibility จุดเริ่มต้นการคิดของคุณ ต้องเริ่มต้นด้วยการยอมรับผิดชอบ       ว่าคุณมาถึงสถานการณ์ตอนนี้ที่คุณเป็นอยู่ไม่ว่าดีหรือร้ายมันเกิดจากคุณทั้งสิ้น ถ้าคุณยอมรับว่า       คุณคือคนที่กุมบังเหียนชีวิตของคุณเองคุณจะรู้ถึงศักยภาพที่จะเปลี่ยนอนาคตของคุณเองได้และ        ถ้าคุณจะเปลี่ยนอนาคตของคุณ สิ่งแรกที่คุณต้องเปลี่ยนก็คือความคิดของคุณเอง
15. คิดในทางบวก Think Positive ถ้าเราต้องการอะไรจากชีวิตเราก็ต้องคิดอย่างนั้น คิดตลอดเวลาถึงสิ่งที่เราต้องการ อย่าไปพูดถึงสิ่งที่ไม่ต้องการผมกลัวโน่น ผมกลัวนี่ผมไม่อยากจน ผมไม่อยากป่วย อย่าให้ชีวิตคุณถูกครอบคลุมด้วยความกลัว แต่ให้ถูกผลักดันด้วยความฝัน
16. เส้นไม่ใหญ่ไม่เป็นไร Connection สายสัมพันธ์หมายถึงการยอมรับ ซึ่งมีที่มามากกว่าเรื่องความสามารถและผลงาน ถ้ามัวแต่เก่งแล้วไม่ไปเสริมสร้างสายสัมพันธ์ให้คนอื่นเขารักชอบ มักก็จบเพราะฉะนั้น ความสามารถกับการสายสัมพันธ์ต้องไปด้วยกัน
17. เพียง Resume ในกระดาษ ไม่ให้งานที่ดีกับใคร งานที่ดีมักจะมาจากการที่คนเรารู้จัก อาจจะ          เป็นเจ้านายหรือมีคนที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าและเห็นผลงานของเรา ดังนั้นประเด็นจึงมีอยู่ว่า              จะทำอย่างไรให้ผลงานของเราเป็นที่รู้จักนี่เป็นเรื่องของสายสัมพันธ์เครือข่ายความไว้เนื้อเชื่อใจ         ในความสามารถจนเกิดการแนะนำบอกต่อกันมา ไม่ใช่เรื่องของกระดาษ “Resume” แผ่นเดียว
18. รอให้เรียนจบก็สายแล้ว Always Think Steps Ahead การเรียนทำให้คุณได้ความรู้ได้ทฤษฎีได้ปริญญา แต่ยังไม่ได้ ผลงานการไปฝึกงานคือจุดเริ่มต้นที่จะทำให้คุณรู้จักคนในหน่วยงานนั้น          จากนั้นต้องทำให้เขาเห็นผลงานของเรา ซึ่งต้องทำให้โดดเด่นขึ้นมาจากคนอื่น จนที่สุดเขาชอบเรา  และนึกถึงเราเป็นคนแรกเวลาที่ต้องการคน             
19. ตามหาคนเก่งมาเป็นพี่เลี้ยง Learn From the Masters เมื่อคุณตัดสินใจแล้วว่าจะพัฒนาตนเอง ทางด้านไหน คุณจะต้องไปสืบเสาะเอาคนที่เก่งที่สุดในสาขานั้นมาเป็น พี่เลี้ยงคุณให้ได้ และที่สำคัญคือควรเก่งทางด้านปฏิบัติ ไม่ใช่ด้านทฤษฎีอย่างเดียว การรู้จักคนที่ถูกต้องทำให้เราประหยัดเวลาได้อีกเยอะ
20. ชื่อเสียงรักษาเท่าชีวิต Reputation ตัดสินใจตั้งแต่ตอนนี้ถ้าคุณจะมีชื่อเสียง จะให้คนพูดถึงคุณว่าอย่างไรว่าคุณเป็นคนซื่อสัตย์หรือคนโกงว่าคุณเป็นคนตรงเวลาหรืออู้งาน
21.นอกวงเลยนอกกรอบThink Outside the Box อย่ายอมรับสิ่งที่คนอื่นบอกว่าเป็นข้อจำกัดของเรา  การคิดต่างกันทำให้อนาคตต่างกัน 
22. คิดใหญ่ทลายข้อจำกัด Accept No Limits หากข้อจำกัดนั้นเป็นความจริงที่วางอยู่ตรงหน้าคุณ      วิธีการทลายก็คือคิดให้ใหญ่กว่า ซึ่งก็คือการคิดนอกกรอบในอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน ไม่มีอะไร  แน่นอน ไม่มีอะไรจำกัดตัวเราได้ ความเป็นไปได้มีหมด เพราะศักยภาพของมนุษย์นั้นมีสูงมาก       เพราะฉะนั้น อย่าไปเชื่อข้อจำกัดที่คนอื่นบอกเรามา ข้อจำกัดไม่มีหรอก มีแต่ความคิดเรื่องข้อจำกัด
23. ขอคืบให้ศอก Go the Extra Mile ผลงานของคุณจะต้องเยี่ยมและดีพร้อมเสมอ แต่นอกเหนือจากนั้นต้องให้เกินความคาดหมายของผู้รับ อย่าเป็นคนที่ทำได้แค่เท่าที่สั่ง สิ่งนี้ยังเป็นการพัฒนาเราอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
24. เพิ่มคุณค่าให้ตนเองเสมอ Constant Improvement งานของผมไม่มีคำว่าอยู่เท่าเดิม ถ้าผมไม่โตหรือพัฒนาความก้าวหน้าอาชีพก็จะเหี่ยวเฉาและตายไปและความจริงนี้ใช้ได้กับธุรกิจหลายประเภทที่มีการแข่งขันกัน      
25. ภาษานั้นสำคัญไฉน Language Skills
26.พรสวรรค์เรื่องเล็ก ทำงานหนักเป็นเรื่องใหญ่Talent Genius is 10% inspiration and 90% perspiration
27.อุปสรรคและความผิดหวัง Overcoming Obstacles ยิ่งฝันใหญ่เท่าไรก็ต้องเจออุปสรรคมากเท่านั้น สิ่งที่สำคัญคือวิธีคิด เมื่อต้องเจออุปสรรคและความผิดหวัง อย่าให้มันหยุดเราได้ถ้าอุปสรรคและปัญหาเป็นเรื่องที่แน่นอน สิ่งที่จะช่วยให้เราจัดการกับมันได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือการเตรียมการก่อนล่วงหน้า                                     
28.วิธีเลือกคู่ครองให้ถูก พลังแห่งจิตใต้สำนึกน่าจะนำมาใช้ได้ในการหาคู่ครอง
29. ความถ่อมตัว Humility อย่าคิดว่าเราเก่ง คนที่เคยทำได้เหมือนเราและดีกว่าเราก็มีมากในโลกนี้คนยิ่งขึ้นสูงต้อง ยิ่งถ่อมตัว
30. อย่าเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น Don’t Compare เพราะเราเปลี่ยนอดีตไม่ได้แต่เราเปลี่ยนอนาคตได้ อย่ามัวเสียเวลาคิดถึงอดีตที่เปลี่ยนไม่ได้ คิดถึงอนาคตที่สดใสของคุณดีกว่า
31. กระสุนนัดเดียวต้องโดน Limites Bullets
32. คำปฏิเสธ….นั้นไซร้ธรรมดา Coping with Rejections ผมมีสองทางให้เลือก จะยอมแพ้หรือจะถามคนต่อไปที่อาจจะมีความต้องการ ตรงกับเรา
33. กินกบตั้งแต่เช้า Eat that frog ศัตรูตัวเล็กๆที่มีประสิทธิภาพสูงในการสกัดกั้นความสำเร็จคือนิสัยการผัดวันประกันพรุ่งเพื่อสร้างวินัย งานชิ้นแรกที่คุณควรทำในแต่ละวันคืองานที่คุณไม่อยากทำที่สุด งานที่ยากที่สุด34. โชคชะตาไม่สำคัญ LUCK โชคเกิดขึ้นเมื่อการเตรียมพร้อมพบกับโอกาส
35. มีความสุขเดี๋ยวนิ้ Be Happy-Now! ถ้าคุณสังเกต ความสุขไมได้มาจากสิ่งภายนอก มันมาจากภายในขึ้นอยู่กับคุณเห็นค่ากับสิ่งที่ตนเองมีอยู่แล้วมากน้อยแค่ไหน
36. โลกนี้ไม่เคยต้องยุติธรรม The World is Never Fair การตอบรับสถานการณ์ที่เรามีหรือเป็นอยู่สำคัญกว่าสถานการณ์ที่ชีวิตให้มา เพราะฉะนั้น ทิศทางของชีวิตเราอยู่ในความควบคุมของเราเอง
37. อย่าล้มเลิก Never Give Up เหตุผลส่วนหนึ่งก็คือว่า บางครั้งความสำเร็จอาจจะอยู่แค่เอื้อม แต่เพราะความท้อแท้และเหนื่อยหน่ายทำให้เราล้มเลิกไปเสียก่อน ความสำเร็จอยู่หัวเลี้ยวสุดท้ายนี่เอง
38. อย่าหวังแต่พึ่งคนอื่น Your are Responsible คุณต้องรับผิดชอบอาชีพของคุณเอง
39. อธิษฐาน Prayer การอธิษฐาน ขาดไม่ได้สำหรับการให้ได้สิ่งที่ต้องการ เมื่อคุณรู้สึกหมดหนทาง….จงอธิษฐาน

ขอบคุณ...ผู้สรุป จากหนังสือต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้ ของบัณฑิต อึ้งรังษี

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วัฏฏสงสาร

                                 
                                     ชายหญิง.....
                                     แอบอิง....เคียงอยู่เป็นคู่สม
                                     ร่วมรัก.....เริงรสในอารมณ์
                                     ดอมดม...รักเสนอสนองกัน
                                     ชีวิตปฏิสนธิ์.....                                                  
                                     จากคน....สองคนหฤหรรษ์                                 
                                      กำเนิด.....เกิดเป็นคนอยู่ในครรภ์                          
                                      จวบวัน....ครบกำหนดออกลืมตา                      
                                      สู่โลกกว้าง......
                                      ทารก..........อ้างว้างเปลี่ยวใจผวา
                                      ส่งเสียง.......อุแว้!โอ้มารดา
                                      ปลาบปลื้ม...ในอุราคราได้ยล
                                      ชีวิตเติบโต...
                                      โอ!โอ้!........ลูกข้าต้องฝึกฝน
                                       เล่าเรียน....ความรู้ครูช่วยดล
                                      จนผ่าน......พ้นวัยเด็กไปขึ้นวัยคนอง
                                       ความรัก....
                                       วัยหนุ่ม.....สาวประจักษ์ตอบรักสนอง
                                       รู้รส...........ความรักแรกทดลอง
                                       สาวหนุ่ม....หลอมรักมั่นสัมพันธ์ใจ
                                       ชายหญิง.....
                                       บิดา.........  มารดามิผ่องใส
                                       ด้วยชรา....วัยเยือนมิเลือกใคร
                                       สู่วัย...........บรรลุ....เจ็บ...ตาย...
                                       หนุ่มสาว......
                                       ร่วมชีวิต.......เคียงคู่มิห่างหาย
                                       ความรัก.......ชมชื่นชูมิรู้คราย
                                       สายโลหิต....กำเนิดเกิดอีกครา
                                       วัฏฏสงสาร.....
                                       ก่อนกาล....มีให้นึกและศึกษา
                                       เกิด...แก่....เจ็บ....ตาย...หลายเวลา
                                       ทั่วหน้า......สัตว์โลกต่างวนเวียน.......
                                                                                 .......ทรัพย์กวี.....

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ความสุข


*~ 7 ข้อคิด เพื่อชีวิตที่มีความสุข ~*
1. เราไม่ได้มีชีวิตเพื่อการเฝ้านั่งเสียใจร่ำไห้ หรือ พูดถึงแต่สิ่งที่เราทำผิดพลาดในอดีต รู้จักให้อภัยตัวเองในสิ่งที่เราทำผิดพลาด แล้วไม่นึกถึงมันอีก
2. เรียนรู้ที่จะให้อภัยผู้อื่น ในสิ่งที่เขาทำผิดพลาดในอดีต แล้วไม่พูดถึงมันอีก
3. การปล่อยวางไม่ใช่เป็นการยอมแพ้ ตรงกันข้าม เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งจากส่วนลึกของหัวใจของเราวันละน้อย เพื่อเอาชนะความอ่อนแอ
4. ชีวิตไม่ได้เติบโตจากการทำให้ทุกสิ่งได้ดั่งใจของเรา แต่เป็นการยอมรับทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตของเราอย่างกล้าหาญ รักและเข้าใจทุกสิ่งที่เราได้ตัดสินใจทำลงไปทุกครั้ง
5. เรียนรู้ความจริงว่าเราไม่สามารถบังคับผู้อื่นให้คิดและทำในสิ่งที่เราต้อง การได้ เพราะแม้แต่ตัวเราเอง ยังทำให้เป็นอย่างที่เราต้องการไม่ได้เลย
6. อย่าเสียเวลาคิดแค้นเคืองโกรธในการกระทำของผู้อื่นที่ส่งผลให้เราทุกข์ใจ ให้อภัยเขาเสีย และหากอยากรู้สึกดีขึ้น ก็นึกถึงคำสอนในพุทธศาสนาว่า ใครทำกรรมใดไว้ ผู้นั้นย่อมได้รับผลนั้นได้ด้วยตนเอง
7. วัตถุหรือภาพลวงตาภายนอกไม่เคยสามารถเติมเต็มหัวใจใครได้ การตั้งหน้าตั้งตาหาวัตถุ หรือความพึงพอใจจากการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เพื่อหวังว่าจะทำให้เรารู้สึกเต็มและมีความสุข นั่นเป็นแค่ฝันลมๆแล้งๆ การรับวัตถุทำให้เรามีความต้องการไม่รู้จบ ขณะที่การได้รับความรักความเข้าใจจากคนที่รักอย่างเต็มเปี่ยมจะทำให้เรามี หัวใจที่ "เต็ม" จนไม่ต้องไขว่คว้าหาวัตถุมาเติมเต็มหัวใจอีก
 
              

วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เพศบรรพชิต

สีเหลือง.... แห่งผ้ากาสาวพัตร์
สีแห่งศรัทธา..เลื่อมใสและยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนโดยถ้วนหน้า
ชีวิตใหม่....เกิดได้อีกครั้งในพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงตรัสเช่นนั้น
และชีวิตของข้าพเจ้าก็เกิดใหม่ในร่มบวรพุทธศาสนา...อีกครั้ง     เพื่อ...ทดแทนบุญคุณของพ่อแม่ และเพื่อ..จรรโลงพระพุทธศาสนาขององค์พระศาสดา ผู้ยิ่งใหญ่
ชีวิตใหม่..เกิดขึ้นในวัยอันบริสุทธิ์  ๒๐ ปีบริบูรณ์.......
ข้าพเจ้า..เคยเป็นเด็กวัดมาก่อน  มีศาลาวัดและกุฏิพระ..เป็นที่อยู่อาศัยดำรงชีวิต เพื่อเรียนหนังสือในชั้นมัธยมศีกษาของโรงเรียนประจำจังหวัด ตามความประสงค์ของพ่อแม่ที่อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี
ที่สุด..ด้วยการศึกษา
ข้าพเจ้าได้อุปสมบทเป็นภิกษุ...ครองชีวิตอยู่ในเพศบรรพชิต ด้วยบุญกุศล..สงบ..เยือกเย็น
ชีวิตต้องดำเนินไป...มีหลากหลายความคิดที่เข้ามากระทบภายในจิตใจ จนบางครั้งสับสนวุ่นวายอยู่
ในห้วงคำนึงตลอดเวลา ดูเหมือนเป็นอุปสรรคแห่งการปฏิบัติ ทำให้ต้องฝึกจิต ซึ่งในคัมภีร์ขุทฺทกนิกาย ธมฺมปทคาถา แสดงไว้ว่า จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ - การฝึกจิตเป็นความดี
ด้วยเหตุนี้...ข้าพเจ้าจึงหวังที่จะมี"ความดี" อย่างนั้นไว้ประดับตัวบ้าง จึงหมั่นเพียรฝึก  พิจารณาทุกสรรพสิ่ง ที่เกิดขึ้น...ตั้งอยู่...และดับไป...อย่างต่อเนื่อง..
ชีวิต....ได้เริ่มดำเนินต่อไป......
รุ่งอรุณ.....
     แสงทองจับขอบฟ้า ทอแสงกระทบกระจกแก้วสีทองซึ่งประดับอยู่ที่ช่อฟ้าใบระกาบนหลังคาโบสถ์
แวววาวระยับตา.. นกน้อย...ถลาบินขึ้นสู่ฟ้ากว้างอย่างร่าเริง...ธรรมชาติอันเงียบสงบ ก็ฟื้นตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆด้วยเสียงเครื่องยนต์ของรถที่วิ่งไปมาบนถนน มากขึ้น...มากขึ้น..และมากขึ้น
วันใหม่....ทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆปรากฏชัดขึ้นในความสลัวราง แล้วก็สว่างขึ้นจนเห็นชัดในสายตา 
สายลมเย็นโชยมาแผ่วเบา..อากาศบริสุทธิ์...ช่วยเร่งเร้าให้ผู้ที่ตื่นแต่เช้าตรู่ รู้สึกสดชื่นเบิกบานใจ...
แถวสีเหลือง.....ที่มองเห็นแตไกล เมื่อเข้าไปใกล้ก็ทราบว่าเป็นภิกษุเดินเรียงแถวออกบิณฑบาตรโปรดเวไนยสัตว์ทั้งปวง..ข้าพเจ้าก็เกี่ยวข้องด้วยกิริยานั้น
บิณฑบาตร..ภารกิจบุญ...สิ่งแรกในตอนเช้าสำเร็จลุล่วงด้วยดี
ปฏิบัติการ...สิ่งใหม่ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกันไป...ฉันอาหารเช้า....ทำวัตรเช้า....แล้วก็เรียนหนังสือ
จนใกล้เที่ยง...ก็ถึงเวลาฉันอาหารเพล เป็นที่เรียบร้อย
หลังเที่ยง...ทุกสิ่งทุกอย่างสงบเงียบ และหยุดนิ่งชั่วคราว
ช่วงเวลาบ่าย...ลมพัดเฉื่อยฉิว...เสียงใบไม้เสียดสีกันเป็นเพลงธรรมชาติแผ่วเบา อากาศกำลังสบาย
ภิกษุส่วนใหญ่ก็จำวัดพักผ่อนร่างกาย เพื่อตื่นขึ้นมาปฏิบัติกิจของสงฆ์ในตอนเย็นด้วยการทำวัตรเย็น หากเป็นวันอุโบสถ..ช่วงเวลานี้ภิกษุทั้งหลายก็จะเข้าไปภายในพระอุโบสถเพื่อสวดปาฏิโมกข์ กิจสำคัญอีกอย่างหนึ่งของสงฆ์ไนบวรพระพุทธศาสนา
แสงแดดเริ่มอ่อนแสง และลดความรัอนแรงลงบ้าง เบื้องประจิมทิศ ดวงตะวันค่อยๆลอยตัวต่ำลงไป
กิจของสงฆ์ได้ผ่านพ้นไปด้วยดี..เป็นวัตรปฏิบัติที่สมณะพึงกระทำอย่างสม่ำเสมอ
ดวงอาทิตย์...ลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ท้องฟ้ายังฉาบด้วยแสงหลากสีสดใส..แล้วค่อยๆหม่นมัวจนมืดมิดไปทั่วบริเวณ ลมเย็นพัดมากระทบผิวกาย...ชวนให้วาบหวิวในอารมณ์
ไฟฟ้าสว่างไสวขึ้น..อันเป็นผลของความเจริญรุ่งเรืองศิวิไลซ์ทางวัตถุ
ทุกสิ่งทุกอย่าง...ค่อยๆเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง ข้าพเจ้าใช้เวลานี้ศึกษาหาความรู้ต่างๆจากหนังสือและทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาในหนึ่งวันบันทึกไว้ในไดอารี่ส่วนตัว เก็บไว้เป็นอนุสรณ์
แห่งอดีตเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงและความทรงจำ ในอนาคต
เวลาผ่านไป..พอสมควรกับประโยชน์ที่ได้รับแล้ว ก็ถึงเวลาเข้านอน..สวดมนต์ไหว้พระและแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งมวล ก่อนเอนตัวลงนอนอย่างมีสติ และหลับอย่างมีความสุข
ทุกสิ่ง...อยู่ในความสงบเงียบนานเท่านาน..ในม่านราตรีที่ปิดลงมาครอบคลุมทั่วพื้นปฐพี
รุ่งอรุณวันใหม่...เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง...ท้องฟ้างาม..แสงสีทองสาดขึ้นสู่ฟากฟ้ากว้าง แทรกเข้าไปในหมู่เมฆเบาบางสีเทา เสมือนเบิกม่านราตรีให้กว้างออกไปสุดสายตา
ชีวิตในเพศบรรพชิต...ยังดำเนินต่อไปด้วยวัตรปฏิบัติและปฏิปทาอันมั่นคง เพื่อพิทักษ์รักษาและดำรงไว้ซึ่งหลักธรรมของพระพุทธองค์ให้รุ่งโรจน์ดุจประทีปแห่งปัญญาแก่สาธุชนโดยถ้วนหน้า สืบไป...

                                                                                                                               อุตฺตม ธมฺมํ /๑๘

พรหมลิขิต


                                  
                                ชีวิตรัก ชีวันรื่น ชื่นสุขสันต์
                          อุราอิ่ม อกเราอุ่น กรุ่นจำนรรค์
                          ต่อรักนั้น ตัวเรานี้ มีสุขใจ
                          ด้วยความรัก ดั่งใครรู้ มาสู่จิต
                          พรหมลิขิต พิศแลเขา เราสดใส
                          ตาต่อตา ตาต้องติด ชิดทรวงใน
                          ประทับใจ ไปทั่วจิต สนิทอุรา
                          จากแดนไกล ใจดั่งใกล้ ให้เชยชิด
                          แนบสนิท นุชสนอง ปองใฝ่หา
                          ให้ได้รัก ห่วงด้วยเรียม เตรียมวิวาห์
                          เหมือนดารา มาด้วยรัก ปักใจตรึง
                          หวลคนึง ห่วงคู่นัก ยามรักแรก
                          ช่างผิดแปลก ช่างแผกไป ใจคิดถึง
                          รักแต่น้อง ร้องต่อนุช สุดคนึง
                          ใจรำพึง จิตรำพัน กระสันต์ครวญ
                          ด้วยรักแรก ดั่งแรกรู้ ผู้มีรัก
                          พึ่งประจักษ์ พึ่งปักจิต ติดใจหวล
                          คิดถึงน้อง ข้องถึงนุช สุดรัญจวน
                          โอ้เนื้อนวล อันน้องนุช..สุดที่รักเอย.

กลบท ระลอกแก้วกระทบฝั่ง ประพันธ์โดย ทรัพย์กวี