วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

พระคาถาธารณปริตร : ป้องกันภัยพิบัติต่างๆ


พระคาถาธารณปริตร

         น้อมรำลึกถึงพระปัญญาธิคุณ พระเมตตาธิคุณ  พระมหากรุณาธิคุณ  แห่งสมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ โดยกล่าวคำนอบน้อมนมัสการ คือ

         นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)

        ๑.พุทธานัง ชิวิตตัสสะ นะ สักกา เกนะจิ อันตะราโย กาตุง ตถา เม โหตุ
           อตีตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต อัปปฏิหะตะญาณัง อนาคตัง เส พุทธัสสะ 
           ภะคะวะโต อัปปฏิหะตะญาณัง ปัจจุปันนัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต 
           อัปปฏิหะตะญาณัง
        ๒.อิเมหิ ตีหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต
           สัพพัง กายะกัมมัง ญาณะปุพพังคะมัง ญาณานุปริวัตตัง 
           สัพพัง วจีกัมมัง ญาณะปุพพังคะมัง ญาณานุปริวัตตัง 
           สัพพัง มะโนกัมมัง ญาณะปุพพัง คะมัง ญาณานุปริวัตตัง
        ๓.อิเมหิ ฉะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต
           นัตถิ ฉันทัสสะ หานิ นัตถิ ธัมมะเทสนายะ หานิ นัตถิ วิริยัสสะ หานิ 
           นัตถิ วิปัสสะนายะ หานิ 
           นัตถิ สมาธิธัสสะ หานิ นัตถิ วิมุตติยา หานิ
        ๔.อิเมหิ ทะวาทะสะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต 
           นัตถิ ทะวา นัตถิ ระวา นัตถิ อัปผุฏฏัง นัตถิ เวคายิตัตตัง     
           นัตถิ พะยาวะฏะมะโน นัตถิ อัปปฏิสังขารุเปกขา
        ๕.อิเมหิ อัฏฐาระสะหิ ธัมเมหิ สะมันนาคะตัสสะ พุทธัสสะ ภะคะวะโต 
           นะโม สัตตันนัง สัมมาสัมพุทธัง นัตถิ ตะถาคะตัสสะ กายะทุจริตตัง 
           นัตถิ ตะถาคะตัสสะ วจีทุจริตตัง 
           นัตถิ ตะถาคะตัสสะ มโนทุจริตตัง 
           นัตถิ อตีตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญาณัง 
           นัตถิ อนาคตัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญาณัง 
           นัตถิ ปัจจุปันนัง เส พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปะฏิหะตะญาณัง
           นัตถิ สัพพัง กายะกัมมัง ญาณานุปุพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง
           นัตถิ สัพพัง วจีกัมมัง ญาณานุปุพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง
           นัตถิ สัพพัง มะโนกัมมัง ญาณานุปุพพัง คะมัง ญาณัง นานุปริวัตตัง
           อิมัง ธาระณัง อะมิตัง อะสะมัง สัพพะสัตตานัง ตาณังเลณัง สังสาระ 
           ภะยะภีตานัง อัคคัง มหาเตชัง
        ๖.อิมัง อานันทะ ธาระณะปริตตัง ธาเรหิ วาเรหิ ปริปุจฉาหิ
           ตัสสะ กาเย วิสัง นะ กะเมยยะ อุทะเกนะ ลัคเคยยะ อัคคีนะ ทะเหยยะ 
           นานาภะยะวิโก นะ เอกาหาระโกนะ ทะวิหาระโก นะ ติหาระโก นะ จะตุหาระโก 
           นะ อุมมัตตะกัง นะ มุฬะหะกัง มนุสเสสิ อะมนุสเสหิ นะ หิงสะกา
        ๗.ตัง ธาระณัง ปริตตัง ยถา กะตะเม ชาโล มหาชาโล ชาลิตเต มหาชาลิตเต 
           ปุคเค มหาปุคเค สัมปัตเต มหาสัมปัตเต ภูตัง คะมะหิ ตะมัง คะลัง
        ๘.อิมัง โข ปะนานันทะ ธาระณะปริตตัง สัตตัง สะเตหิ สัมมาสัมพุทธโกฏีหิ 
           ภาสิตัง วัตเต อะวัตเต คันธะเว อะคันธะเว โนเม อะโนเม เสเว อะเสเว 
           กาเย อะกาเย ธาระเณ อะธาระเณอิลลิ มิลลิ ติลลิ มิลลิ โยรุกเข 
           มหาโยรุกเข ภูตัง คะมะหิ ตะมัง คะลัง
        ๙.อิมัง โข ปะนานันทะ ธาระณะปริตตัง นะวะ นะ วุฒิยา สัมมาสัมพุทธโกฏีหิ 
           ภาสิตัง ทิฏฐิลา ทัณทิลา มันติลา โรคิลา ชะระลา ทุพพิลา 
           เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา.


คำแปลพระคาถาธารณปริตร

๑. อันชีวิตแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย อันใครๆ ไม่อาจทำอันตรายได้
    ฉันใด ขอชีวิตความเป็นอยู่ของข้าพเจ้า จงเป็นเหมือนเช่นนั้น พระพุทธองค์ผู้ทรง
    สมบูรณ์พร้อมด้วยบุญ ๖ ประการ ทรงมีพระญาณที่ไม่มีเครื่องกระทบ 
    ไม่มีการปิดกั้น ถดถอย ทั้งในอดีต ในอนาคต และในปัจจุบัน
๒.  อันว่ากายกรรมทั้งปวง วจีกรรมทั้งปวง มโนกรรมทั้งปวงของพระพุทธองค์ 
     ทรงมีพระญาณเป็นเครื่องนำ เป็นไปตามลำดับพระญาณ
     ทรงเป็นผู้มีพระคุณสมบูรณ์ด้วยพระญาณทั้ง ๖ ดังกล่าวแล้วนี้
๓.  อันว่าความเสื่อมลงของผู้มีคุณธรรมทั้ง ๖ นี้ ย่อมไม่มีแก่พระพุทธเจ้า
     ผู้ทรงสมบูรณ์ด้วยบุญ ๖ ประการ คุณธรรม ๖ นี้ ได้แก่
     ความเสื่อมถอยลงของพระพุทธประสงค์ ย่อมไม่มีแก่พระพุทธองค์
          อันว่าความเสื่อมถอยลงแห่งการแสดงธรรม ย่อมไม่มีแก่พระพุทธองค์
          อันว่าความเสื่อมถอยลงของความเพียร ย่อมไม่แก่พระพุทธองค์มี
          อันว่าความเสื่อมถอยลงของวิปัสสนาญาณ ย่อมไม่มีแก่พระพุทธองค์
          อันว่าความเสื่อมถอยลงของความสุขในอรหัตผลย่อม ไม่มีแก่พระพุทธองค์ 
๔.   อันว่าการพูดเล่น ย่อมไม่มีแก่พระพุทธองค์ ผู้ประกอบด้วยคุณธรรม ๑๒ ประการ
          อันว่าการพูดพลั้งเผลอโดยขาดสติ ย่อมไม่มีแก่พระพุทธองค์
          อันว่าพระธรรมที่ไม่สัมผัสด้วยพระญาณ ย่อมไม่มีแก่พระพุทธองค์ 
          อันว่าการหุนหันพลันแล่น โดยไม่มีพิจารณาเสียก่อน ย่อมไม่มีแก่พระพุทธองค์
          อันว่าความมีใจวุ่นวายด้วยกิเลส ย่อมไม่มีแก่พระพุทธองค์
          อันว่าการเพ่งเฉยโดยปราศจากการพิจารณา ย่อมไม่มีแก่พระพุทธองค์ 
๕.  พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยคุณธรรม ๑๘ ประการ ดังกล่าวแล้วนี้
     ข้าพเจ้า ขอน้อมไหว้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง ๗ พระองค์
          อันว่ากายทุจริต ย่อมไม่มีแก่พระตถาคต
          อันว่าวจีทุจริต ย่อมไม่มีแก่พระตถาคต  
          อันว่ามโนทุจริต ย่อมไม่มีแก่พระตถาคต
          อันว่าญาณ ซึ่งมีการปกปิด กีดกัน ถดถอย ของพระพุทธเจ้า ย่อมไม่มีในอดีต
          อันว่าญาณ ซึ่งมีการปกปิด กีดกัน ถดถอย ของพระพุทธเจ้า ย่อมไม่มีในปัจจุบัน
          อันว่าญาณ ซึ่งมีการปกปิด กีดกัน ถดถอย ของพระพุทธเจ้า ย่อมไม่มีในอนาคต
          กายกรรม ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแก่พระพุทธองค์
          วจีกรรม ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแก่พระพุทธองค์
          มโนกรรม ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแก่พระพุทธองค์
          อันว่าธารณปริตรที่ได้สาธยายเป็นประจำนี้ ไม่มีอะไรเสมอเหมือน 
          เป็นที่พึ่งพิงของสรรพสัตว์ ผู้ที่กลัวภัยในสังสารวัฏทั้งหลาย 
          อัคคัง ประเสริฐ มหาเตชัง มีเดชมาก
๖.  ดูกรอานนท์ ท่านจงท่องจดจำ สอบถาม ซึ่งธารณปริตรนี้ 
     อันว่ากายของผู้ท่องสวดมนต์ธารณปริตรนี้ ไม่พึงตายด้วยพิษงู พิษนาค 
     ไม่พึงตายในน้ำ อันว่าไฟไม่พึงไหม้ เป็นผู้พ้นภัยพิบัติต่างๆ 
     ใครคิดทำร้ายวันเดียวไม่สำเร็จ สองวัน สามวัน สี่วัน..ก็ไม่สำเร็จ 
     ไม่เป็นโรคหลงลืม เป็นโรคบ้า หลงสติ 
     มนุษย์ และอมนุษย์ทั้งหลาย ไม่สามารถทำร้ายหรือเบียดเบียนได้
๗.  อันว่าธารณปริตรนี้ มีความศักดิ์สิทธิ์ คือ
          ชาโล มีอานุภาพเหมือนพระอาทิตย์ ที่ขึ้นพร้อมกัน๗ ดวงในวันโลกาพินาศ
          มหาชาโล มีอานุภาพเหมือนมุ้งเหล็ก ที่สามารถป้องกันภัยจาก เทวดา อินทร์ 
          นาค ครุฑ ยักษ์ เป็นต้น
          ชาลิตเต มีอานุภาพประหารศัตรูทั้งหลาย
          มหาชาลิตเต มีอานุภาพให้พ้นจากกัปทั้ง ๓ คือ โรคันตรกัป, สัตถันตรกัป 
          และทุพภิกขันตรกัป
          มีอานุภาพให้พ้นจากโรคต่างๆ ในเวลาปฏิสนธิคือ เป็นใบ้ พิการ หูหนวก
          อีกทั้งไม่ตกต้นไม้ ตกเหว ตกเขาตาย สามารถได้สมบัติที่ยังไม่ได้ 
          ทรัพย์สมบัติที่ได้มาแล้ว ก็จะเจริญเพิ่มพูนขึ้นโดยความเป็นจริง 
          สามารถกำจัดความมืด ให้เข้าถึงความสว่างได้
๘.  ดูกรอานนท์ อันธารณปริตร อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๗๗ โกฏิ ทรงตรัสไว้ว่า
     พึงสมาคมคนดี ไม่พึงสมาคมคนชั่ว 
     พึงนำมาซึ่งกลิ่นและรสอันเป็นธรรม 
     พึงน้อมนำมาซึ่งน้ำใจดี ไม่พึงน้อมนำมาซึ่งน้ำใจร้าย 
     พึงทำกายให้เป็นกายดี ไม่ทำให้เป็นกายร้าย
     พึงนำมาแต่สิ่งอันเป็นกุศล ไม่ถึงนำมาซึ่งสิ่งอันเป็นอกุศล
     พึงฟังแต่สิ่งที่ดี ไม่พึงฟังสิ่งที่ไม่ดี พึงเห็นแต่นิมิตดี ไม่พึงเห็นนิมิตร้าย
    โยรุกเข ต้นไม้ที่ตายแล้วสามารถฟื้นคืนมาได้
         มหาโยรุกเข ต้นไม้ที่ยังเป็นอยู่ ก็ทำให้เจริญงอกงามโดยความเป็นจริง
            สามารถกำจัดความมืด ให้เข้าถึงความสว่างได้
๙.  ดูกรอานนท์ อันธารณปริตรนี้ สามารถรู้ความคิดร้ายของผู้อื่น
         อาวุธต่างๆ เครื่องประหารทุกชนิด ไม่สามารถทำอันตรายได้
         มันติลา สามารถทำมนต์คาถา ให้มีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้น 
         โรคิลา กำจัดปัดเป่าอันตรายจากโรคต่างๆได้ 
         และโรคร้ายแรงต่างๆ ไม่อาจทำอันตรายได้
         ทุพพิลา สามารถหลุดพ้นจากเครื่องจองจำพันธนาการ
         ด้วยอำนาจแห่งสัจจะวาจานี้ 
         ขอความสวัสดีมีชัย จงมีแก่ข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อ เทอญ.

ความเป็นมาของพระคาถาธารณปริตร

       เมื่อครั้งออกพรรษาปี ๒๕๒๖ พระป่ากรรมฐานรูปหนึ่งได้มีโอกาสออกวิเวกเจริญ
รุกขมูล ธุดงค์ทางภาคเหนือและชายแดนฝั่งพม่าเขตติดต่อพรมแดนในแวดวงหมู่บ้าน
ชาวเขาเผ่าต่างๆนานเกือบ ๓ เดือน ขณะปักกลดพักที่ดอยพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ 
จ.ลำพูนได้พบและปรึกษาธรรมปฎิบัติและอื่น ๆ กับพระอาจารย์รังสรรค์  โชติปาโล 
ซึ่งเพิ่งธุดงค์เดินป่ามาจากประเทศพม่า และได้จดจำเอา"พระคาถาธารณปริตร" จาก
วัดอรัญตะยา ในมัณฑะเลย์ ประเทศพม่ามาด้วย
      เนื่องจากเห็นว่าเป็นบทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณที่ในประเทศไทย ยังไม่คุ้นเคย
หรือมีปรากฎมาก่อนจะด้วยสาเหตุใดก็ตามทีเมื่อพระป่ามาพบกันหลายองค์ที่จังหวัด
ลำพูน ก็ได้นำพระคาถาธารณปริตรนี้ ทำวัตรเย็นร่วมกัน ติดต่อกันอยู่ ๕ วัน ก่อนทำ
เพียรภาวนาทุกค่ำคืนได้ปรากฏเห็นหมู่เทวาอารักษ์ในนิมิตมาชุมนุมและร้องชมเชย 
สรรเสริญ ชื่นบาน ร่าเริงมาก ที่ได้ยินพระป่ากรรมฐานเจริญ พระคาถาธารณปริตร 
อันทรงคุณเป็นเลิศนี้
       พระภิกษุกรรมฐานทั้ง ๕-๖ รูปนี้ ครั้นเจริญพระปริตรที่ห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน 
ต่างได้เห็นนิมิตเทวาอารักษ์ ชื่นชมตรงกันทั้งสิ้น แม้จะน้อมนำทำน้ำพระพุทธมนต์
โปรดหมู่ญาติโยมในที่ต่างๆก็ศักดิ์สิทธิ์เหลือประมาณ จึงได้พิจารณาเห็นว่าพระพุทธา
นุภาพของพระปริตร บทนี้ ทรงคุณเหลือประมาณ สมควรที่พุทธศาสนิกชนทุกท่าน 
จะได้นำไปสาธยายบูชาต่อไป
       อนึ่ง ข้าพเจ้าได้ทราบจากหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ว่า ผู้ที่สาธยายมนต์พระปริตร 
บทนี้ทุกๆวัน อย่างน้อยวันละ ๑ ครั้ง พร้อมกับเร่งบริจาคทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา 
จะสามารถรอดพ้นจากวิกฤตมหาอุบัติภัยโลกที่จะบังเกิดขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ และ
แม้ในที่สุดยังสามารถช่วยบรรเทาภัยพิบัติของโลกให้บางเบาลดน้อยลงไปได้
       โดยหลังจากเจริญพระปริตรบทนี้แล้ว ให้ตั้งจิตน้อมแผ่เมตตา แผ่คุณความดี
บุญกุศลของเราที่ได้ปฏิบัติบำเพ็ญมานับแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ อุทิศให้กับ
เจ้ากรรมนายเวรของตนเองและเจ้ากรรมนายเวรของสรรพชีวิตทั้งหลาย ทั่วไตรโลกธาตุ
อนันตจักรวาล ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาตินี้ 
และกระทำจิตให้นิ่ง ว่างเปล่าชั่วขณะ แล้วภาวนาว่า

        “ พุทธัง อนันตัง ธัมมัง จักรวาลัง สังฆัง นิพพานะ ปัจจโย โหตุ ”

       น้อมจิตอุทิศกุศลไปโดยรอบทั่วไตรโลกธาตุ ความวิบัติต่างๆ ก็จะบรรเทาลง

ที่มา : เอกสารโรเนียวแจกเป็นธรรมทาน ของกองธรรมพระศรีอารย์

ด้วยบุญกุศลมหาศาล ที่เกิดจากการเผยแพร่ "พระคาถาธารณปริตร" เป็นธรรมทานนี้
ข้าพเจ้าขอน้อมอุทิศแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้าทุกพระองค์ 
เทพพรหมทุกชั้น บรรพบุรุษ บิดา-มารดา ครูอุปัชฌาย์ อาจารย์ ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท
มิตรสหาย ทั้งที่ล่วงลับไปแล้ว และที่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้ากรรมนายเวร เจ้าเกณฑ์ชะตา 
เจ้าที่ เจ้าทาง แม่พระธรณี ผีบ้านผีเรือน ที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ สัมภเวสีทั้งหลาย 
และสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งปวง  
ขอให้ท่านทั้งหลายจงอนุโมทนา และจงได้รับบุญกุศลนี้ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น