วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตกับสุขภาพ



อโรคยา  ปรมาลาภา..... ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ  สุขภาพที่ดีย่อมทำให้ชีวิตเป็นสุข บทความที่เป็นสาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ ในวันนี้ คือ สาหร่ายสไปรูลิน่า
สาหร่ายสไปรูลิน่า กับโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยเบาหวานหากควบคุมการรับประทานอาหารได้ ก็สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติได้ และต้องหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ผู้ป่วยเบาหวานมักมีอาการของโรคแทรกซ้อน เช่น โรคความดันโลหิตสูง เนื่องมาจากโคเลสเตอรอลในเส้นเลือด โรคหัวใจ ตาฝ้าฟาง เป็นต้น สาหร่ายสไปรูลิน่า มีกรดแกมมาไลโนเลนิก ที่ช่วยลดโคเลสเตอรอล นอกจากนี้ยังมีเบต้าแคโรทีน เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ วิตามิน A ซึ่งช่วยบำรุงสายตา และยังมีครอโรฟิลล์ที่ช่วยสร้างเซลล์ตับขึ้นมาใหม่ทดแทนเซลล์ที่ถูกทำลาย ทำให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินได้เป็นปกติขึ้นและซีสทีน เป็นกรดอะมิโนตัวหนึ่งซึ่งสามารถผลิตอินซูลินได้ด้วย

สาหร่ายสไปรูลิน่า  สร้างภูมิคุ้มกัน

สาหร่ายสไปรูลิน่า สร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น จากโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) มาจนถึงไข้หวัดนกกลายพันธุ์ ทำให้นักวิจัยทั่วโลกหันมาสนใจสาหร่ายสไปรูลิน่า เริ่มจากนักวิจัยรัสเซียยืนยันว่าถึงแม้เซลล์ตั้งต้น (STEM CELL) ของกระดูกไขสันหลังจะถูกทำลายโดยสารกัมมันตภาพรังสีจนไม่สามารถผลิตเม็ดเลือดขาวได้ ไฟโคไซยานินสารสีน้ำเงินในสาหร่ายสไปรูลิน่าสามารถช่วยให้มีการผลิตเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงได้อีก นักวิจัยของจีนก็ยืนยันอีกว่า น้ำตาลเชิงซ้อนในสาหร่ายสไปรูลิน่า สร้างภูมิคุ้มกันได้จริง ผลการวิจัยของอีกหลายสำนัก และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยืนยันว่า สารสกัดจาก สาหร่ายสไปรูลิน่าสามารถหยุดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเอดส์ได้

สาหร่ายสไปรูลิน่า คืออะไร         

สาหร่ายสไปรูลิน่า(Spirulina Algae)เป็นสาหร่ายที่มีขนาดใหญ่ จะม้วนตัวเป็นเกลียวและเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบในเซลล์เซลล์เดียว ถูกจำแนกให้อยู่ระหว่างสิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตว์และพืช แต่ค่อนข้างจะมีความคล้ายไปทางพืชมาก กว่าสัตว์ อาศัยอยู่ในน้ำ มีทั้งในน้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย จะจำแนกจากลักษณะสีของต้นซึ่งมีสีเขียว สีแดง สีน้ำตาล และสีเขียวแกมน้ำเงิน เป็นต้น สาหร่ายสไปรูลิน่า เป็นสายพันธุ์สีเขียวแกมน้ำเงิน ซึ่งเมื่อทำให้แห้งแล้วจะมีสีค่อนข้างไปทางเขียวเข้มเกือบเขียวคล้ำ และขึ้นอยู่ในบริเวณน้ำกร่อยเท่านั้น น้ำที่เหมาะที่สุดจะมีลักษณะเป็นเบสทำให้สาหร่ายสไปรูลิน่ามีคุณสมบัติพิเศษในการปรับความสมดุลของน้ำได้เป็นอย่างดี

สาหร่ายสไปรูลิน่า (Spirulina Algae) คือ สาหร่ายหลายเซลล์ สีเขียวแกมน้ำเงิน ที่อุดมด้วยคุณค่าทางสารอาหารครบ 5 หมู่ เพียบพร้อมด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่ร่างกายต้องการ ย่อยสลาย และดูดซึมง่าย เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายสามารถนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็วและไม่มีผลข้างเคียงเมื่อรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน                                                                                                         

สาหร่ายสไปรูลิน่า (spirulina) การค้นคว้าของ นักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสาหร่ายเริ่มมากขึ้นเมื่อพบว่า มีสาหร่ายบางชนิดมนุษย์ได้ใช้เป็นอาหารมานานกว่า 500 ปี ใน ค.ศ.1521 (พ.ศ. 2064) ได้มีรายงานซึ่งพบจากบันทึกของกองทัพคอร์ตเตส (Cortez’s Troops) ว่าชาวเม็กซิกัน กินอาหารเป็นพวกสาหร่ายชนิดหนึ่งโดยชาวพื้นเมืองปลูกในทะเลสาบ (Lake Texcoco) เก็บมาตากแห้งแล้วนำมาขายในตลาดเพื่อใช้เป็นอาหาร ในยุคของการตื่นตัวเรื่องสุขภาพ และความระมัดระวังที่จะเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้มีการศึกษาในหลายสถาบันเพื่อให้ได้อาหารที่เป็นอุดมคติของนักโภชนาการ นำมาซึ่งการค้นพบสาหร่าย พืชขนาดจุลินทรีย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกชื่อต่อมาว่าสาหร่ายสไปรูลิน่า (Spirulina Algae

คณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ข้อมูลว่าสาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นสาหร่ายที่มีโปรตีนสูงถึง 60-70% เมื่อเปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่นๆ เช่นถั่วเหลือง ซึ่งให้โปรตีนเพียง 37%และพบว่าโปรตีนของสาหร่ายสไปรูลิน่า มีปริมาณสูงกว่าเนื้อสัตว์ นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยกรดแกมม่าไลโนเลนิก(GLA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต บรรเทาอาการข้ออักเสบ ปวดประจำเดือน และสิวฝ้า, วิตามิน B12 ซึ่งถ้าขาดวิตามินนี้ก็จะทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้ , วิตามิน A ซึ่งอยู่ในรูปเบตาแคโรทีน มีบทบาทในการลดอนุมูลอิสระ ดังนั้นจึงนำมาใช้เป็นสารต้านมะเร็งชนิดต่างๆ และสาหร่ายนี้ยังเป็นแหล่งที่มีวิตามิน E, วิตามิน C, วิตามิน B1, B12 และไนอาซีนสูง นอกจากวิตามินต่างๆแล้วยังมีเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายอีกมากมาย เช่น ธาตุเหล็ก สังกะสี แมงกานีส ทองแดง เซเลเนียม แคลเซียม และยังประกอบด้วยสีเขียวของคลอโรฟิลล์อีกด้วย                                                    จากรายงานการวิจัยของ ดร.มาโกโตะ อูโนะ วิทยาลัยแพทยศาสตร์เกียวโต พิสูจน์ว่าคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในรูปสาหร่าย สไปรูลิน่ามีผลต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและสัตว์ การเผาผลาญอาหาร การหายใจ กระตุ้นสร้างเม็ดเลือดแดง การทำงานของฮอร์โมนและการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย                   

สารอาหารในสาหร่ายสไปรูลิน่า                                                                                                                                                       เป็นที่น่าทึ่งมากว่า สาหร่ายสไปรูลิน่า ประกอบด้วยสารอาหารหลากหลายที่ทรงคุณค่ามากกว่าเนื้อสัตว์ และพืชชนิดอื่น ๆ เปรียบเสมือน โรงงานผลิตอาหารของโลกเลยทีเดียว

มีโปรตีนซึ่งสูงกว่า เนื้อ นม ไข่ ถึง 3 เท่า                                                                                                 
มีกรดอะมิโนครบถ้วน 18 ชนิด และเรียงตัวกันอย่างสมดุล                                                                      
- อุดมไปด้วยวิตามิน B1,  B2,  B6,  B12 , C , E และ  H  ซึ่งวิตามิน B12 มีมากกว่าในตับ ถึง 250%                     
- มีเบต้าแคโรทีนมากกว่าแครอทถึง 20 เท่า                                                                                               
- มีธาตุเหล็กมากกว่าอาหารชนิดอื่น ๆ ถึง 12  ท่า                                                                                     
- มีซีลีเนียม สังกะสี และธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายครบถ้วน                                                                             
- มีกรดไขมันแกมมาไลโนเลนิก ที่ช่วยลดคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือดถึง170 เท่าของที่มีในน้ำมันพืช                                       
- มีคลอโรฟิลล์ในปริมาณที่มากกว่าพืชชนิดใด ๆ และมากกว่า วีตกราส ถึง 2 ท่า                      

 สาหร่ายสไปรูลิน่า ให้สารอาหารประเภทกรดอะมิโน ที่จำเป็นในปริมาณสูงทั้ง 8  ชนิด ดังนี้                                                

1. ไอโซลูซีน (Isoluecine) ที่ช่วยในการเจริญเติบโตพัฒนาการของความทรงจำ และยังใช้ในการสังเคราะห์ กรดอะมิโนไม่จำเป็นบางตัวในร่างกายอีกด้วย                                                                        
2. ลูซีน (Luecine) กระตุ้นการทำงานของสมองทำให้กล้ามเนื้อมีกำลังมากขึ้น                                         
3. ไลซีน (Lysine) เป็นโครงสร้างของเซลล์เม็ดเลือด ที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพิ่มความแข็งแรง    ให้กับระบบไหลเวียนโลหิต และทำให้การเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกายเป็นไปอย่างปกติ                        
4. เมไธโอนีน (Methionine) ช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันและกรดไขมัน ทำให้ตับมีสุขภาพดี และยังลดความเครียดของสมอง                                                                                                                        
5. เฟนินอลานีน (Phynynollanine) ช่วยให้ต่อมไธรอยด์นำไปใช้สร้างไธรอยด์ฮอร์โมนที่ควบคุมพลังงานพื้นฐานของร่างกายที่เรียกว่า BMR                                                                                                                           
6. เทรโอนีน (Threonoine) ช่วยให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารเป็นปกติ และช่วยให้การดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสโลหิตเป็นไปได้ด้วยดี                                                                                                                  
7. ทริปโตแฟน (Tryptophan) ทำให้ร่างกายสามารถนำเอาวิตามิน B มาใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งส่งผลทำให้ระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น เชื่อว่าให้ผลในการควบคุมอารมณ์และทำให้ใจเย็นลงได้                       
8. วาลีน (Valine) กระตุ้นการทำงานของระบบควบคุมอารมณ์ และการประสานงานการทำงานของระบบกล้ามเนื้อ                                                                                                                                              

นอกจากนั้นยังมีวิตามิน B12 ที่พบว่า มีผลดีต่อการสร้างเม็ดเลือด ที่เป็นระบบภูมิต้านทานที่ดีของร่างกาย ให้วิตามินA ในรูปของเบต้าแคโรทีน(Betacarotene) ที่ให้ผลเป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น โดยการกำจัดอนุมูลอิสระ ที่เกิดขึ้น มีวิตามัน B1 เป็นโคเอ็นไซม์ในขบวนการเผาผลาญสารอาหารและรักษาระดับกลูโคสในเลือด วิตามิน E ปกป้องระบบหัวใจและระบบเส้นเลือด ช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายสามารถนำเอาอ๊อกซิเจนไปใช้ได้เป็นอย่างดี และพบว่าให้ผลชะลอความแก่ได้                   

หนังสือ  The Secret of Spirulinaได้กล่าวถึงปริมาณโปรตีนของสาหร่ายเกลียวทอง (แห้ง) เมื่อเปรียบเทียบ กับอาหารชนิดอื่น ไว้ดังนี้
เนื้อวัว                                  18-20  %
ถั่วเหลือง                              33.35  %
ไข่                                        10-25  %
ปลาทู ปลาอินทรีย์                20  %
ข้าวสาลี                                6-10  %
คลอเรลลา                            40-56  %
ข้าวเจ้า                                  7 %
สาหร่ายสไปรูลิน่า                69.5-71 %
ผลการวิจัยของศาสตราจารย์ ดร.เคนอิชิ อะกัตซูกะ  คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเมจิ แห่งประเทศญี่ปุ่นที่ปรากฎในหนังสือ The Secret of Spirulina พบว่าสาหร่ายสไปรูลิน่ามีลักษณะของความปลอดภัย ดังนี้ คือ
1. เป็นผลิตภัณฑ์ที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง
2. ไม่มีผลข้างเคียง แม้ว่าจะใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานสักเท่าใด
3. แม้ว่าบังเอิญจะกินเข้าไปมากเกินขนาด ก็ไม่เกิดเป็นพิษหรือมีผลข้างเคียง
4. เมื่อใช้เป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและเพิ่มความต้านทานโรค                                            

สาหร่ายสไปรูลิน่าได้รับการประกาศรับรองจากสถาบันชั้นนำของโลกหลายสถาบัน ได้แก่                                   

- ค.ศ. 1967THE INTERNATIONAL CONFERENCE ON APPILIED MICROBIOLOGYประกาศว่าสาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของมวลมนุษยชาติ                                                                               
- ค.ศ.1974  UN ประกาศในที่ประชุมอาหารโลกว่าเป็น THE MOST IDEAL FOOD FOR MANKIND”                       
- ค.ศ.1974  FAO (Food and Agriculture Organization) แนะนำว่าเป็น The Best Food for Tomorrow ให้กับสาหร่ายสไปรูลิน่า                                                                                                                                               
- ค.ศ.1981 FDA (Food and Druge Admistration) แห่งสหรัฐอเมริการับรองว่าสาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นพิษ                                                                                
- ค.ศ.1983 IFE (International Food Exposition)ซึ่งจัดทำขึ้นที่ประเทศเยอรมันตะวันออก มอบรางวัล        The Best Natural Food ให้สาหร่ายสไปรูลิน่า                                                                                                           
- ค.ศ.1992 WHO (World Health Organizion) ประกาศแนะนำว่า สาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในคริสต์ศตวรรษที่ 21                                                                                                                  
ที่ประเทศญี่ปุ่นมีการศึกษาสไปรูลิน่าในด้านเป็นอาหารเสริมวันละ 6-10 กรัม (12 - 20 เม็ด/แคปซูล) ในปริมาณ เช่น เดียวกันนี้ นักกีฬาและนักวิ่ง ฯลฯ ก็จะสามารถเพิ่มพูนกำลังได้เช่นเดียวกัน และสิ่งที่น่าทึ่งอย่างหนึ่งก็คือมีนักปราชญ์ชาวญี่ปุ่นชื่อโทรุ มัทซุอิ สามารถมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่รับประทานอาหารอื่นใดเลย นอกจากสาหร่ายสไปรูลิน่าและสาหร่ายอื่นบ้างเป็นเวลา 15 ปี โดยไม่ปรากฏผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายแต่อย่างใด                                                                                                                                              
เราอาจจะพบสาหร่ายสไปรูลิน่าในรูปของเม็ดแคปซูลหรือเป็นผง เราสามารถรับประทานเป็นอาหารเสริมได้หลายรูป แบบ การบริโภคสาหร่ายสไปรูลิน่าจะได้ผลเร็วหรือช้านั้นขึ้นอยู่กับ อายุ ความเครียด นิสัยการบริโภค ปริมาณสารเคมีหรือสารตกค้างในร่างกาย และความรุนแรงของโรค                                                
การบริโภคสาหร่ายในปริมาณที่เพียงพออย่างต่อเนื่อง ปริมาณการออกกำลังกายและการพักผ่อน โดยทั่วไป 3 วันแรก จะมีปฎิกิริยาตอบรับ ร่างกายจะปรับตัวมีการตอบรับที่ดีขึ้น ปัญหาสุขภาพที่มีอยู่จะค่อยๆ ดีขึ้นในเวลา 3-5 เดือน ก็จะฟื้นฟูจนปกติ ยกเว้น ผู้ที่ร่างกายทรุดโทรมมากจนเซลล์ที่ประกอบเป็นอวัยวะเสียไปหมดแล้วก็จะไม่สามารถฟื้นฟูได้                                                                                                             ขอบคุณข้อมูลจาก ม.เกษตรศาสตร์ , ม.ขอนแก่น , หนังสือความลับของสาหร่ายเกลียวทอง และอื่นๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น