อโรคยา ปรมาลาภา..... ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ สุขภาพที่ดีย่อมทำให้ชีวิตเป็นสุข บทความที่เป็นสาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ ในวันนี้ คือ สาหร่ายสไปรูลิน่า
สาหร่ายสไปรูลิน่า กับโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยเบาหวานหากควบคุมการรับประทานอาหารได้ ก็สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติได้ และต้องหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ผู้ป่วยเบาหวานมักมีอาการของโรคแทรกซ้อน เช่น โรคความดันโลหิตสูง เนื่องมาจากโคเลสเตอรอลในเส้นเลือด โรคหัวใจ ตาฝ้าฟาง เป็นต้น สาหร่ายสไปรูลิน่า มีกรดแกมมาไลโนเลนิก ที่ช่วยลดโคเลสเตอรอล นอกจากนี้ยังมีเบต้าแคโรทีน เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ วิตามิน A ซึ่งช่วยบำรุงสายตา และยังมีครอโรฟิลล์ที่ช่วยสร้างเซลล์ตับขึ้นมาใหม่ทดแทนเซลล์ที่ถูกทำลาย ทำให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินได้เป็นปกติขึ้นและซีสทีน เป็นกรดอะมิโนตัวหนึ่งซึ่งสามารถผลิตอินซูลินได้ด้วย
สาหร่ายสไปรูลิน่า สร้างภูมิคุ้มกัน
สาหร่ายสไปรูลิน่า สร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น จากโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) มาจนถึงไข้หวัดนกกลายพันธุ์ ทำให้นักวิจัยทั่วโลกหันมาสนใจสาหร่ายสไปรูลิน่า เริ่มจากนักวิจัยรัสเซียยืนยันว่าถึงแม้เซลล์ตั้งต้น (STEM CELL) ของกระดูกไขสันหลังจะถูกทำลายโดยสารกัมมันตภาพรังสีจนไม่สามารถผลิตเม็ดเลือดขาวได้ ไฟโคไซยานินสารสีน้ำเงินในสาหร่ายสไปรูลิน่าสามารถช่วยให้มีการผลิตเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงได้อีก นักวิจัยของจีนก็ยืนยันอีกว่า น้ำตาลเชิงซ้อนในสาหร่ายสไปรูลิน่า สร้างภูมิคุ้มกันได้จริง ผลการวิจัยของอีกหลายสำนัก และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยืนยันว่า สารสกัดจาก สาหร่ายสไปรูลิน่าสามารถหยุดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเอดส์ได้
สาหร่ายสไปรูลิน่า คืออะไร
สาหร่ายสไปรูลิน่า(Spirulina Algae)เป็นสาหร่ายที่มีขนาดใหญ่ จะม้วนตัวเป็นเกลียวและเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบในเซลล์เซลล์เดียว ถูกจำแนกให้อยู่ระหว่างสิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตว์และพืช แต่ค่อนข้างจะมีความคล้ายไปทางพืชมาก กว่าสัตว์ อาศัยอยู่ในน้ำ มีทั้งในน้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย จะจำแนกจากลักษณะสีของต้นซึ่งมีสีเขียว สีแดง สีน้ำตาล และสีเขียวแกมน้ำเงิน เป็นต้น สาหร่ายสไปรูลิน่า เป็นสายพันธุ์สีเขียวแกมน้ำเงิน ซึ่งเมื่อทำให้แห้งแล้วจะมีสีค่อนข้างไปทางเขียวเข้มเกือบเขียวคล้ำ และขึ้นอยู่ในบริเวณน้ำกร่อยเท่านั้น น้ำที่เหมาะที่สุดจะมีลักษณะเป็นเบสทำให้สาหร่ายสไปรูลิน่ามีคุณสมบัติพิเศษในการปรับความสมดุลของน้ำได้เป็นอย่างดี
สาหร่ายสไปรูลิน่า (Spirulina Algae) คือ สาหร่ายหลายเซลล์ สีเขียวแกมน้ำเงิน ที่อุดมด้วยคุณค่าทางสารอาหารครบ 5 หมู่ เพียบพร้อมด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่ร่างกายต้องการ ย่อยสลาย และดูดซึมง่าย เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายสามารถนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็วและไม่มีผลข้างเคียงเมื่อรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน
สาหร่ายสไปรูลิน่า (spirulina) การค้นคว้าของ นักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสาหร่ายเริ่มมากขึ้นเมื่อพบว่า มีสาหร่ายบางชนิดมนุษย์ได้ใช้เป็นอาหารมานานกว่า 500 ปี ใน ค.ศ.1521 (พ.ศ. 2064) ได้มีรายงานซึ่งพบจากบันทึกของกองทัพคอร์ตเตส (Cortez’s Troops) ว่าชาวเม็กซิกัน กินอาหารเป็นพวกสาหร่ายชนิดหนึ่งโดยชาวพื้นเมืองปลูกในทะเลสาบ (Lake Texcoco) เก็บมาตากแห้งแล้วนำมาขายในตลาดเพื่อใช้เป็นอาหาร ในยุคของการตื่นตัวเรื่องสุขภาพ และความระมัดระวังที่จะเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้มีการศึกษาในหลายสถาบันเพื่อให้ได้อาหารที่เป็นอุดมคติของนักโภชนาการ นำมาซึ่งการค้นพบสาหร่าย พืชขนาดจุลินทรีย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกชื่อต่อมาว่าสาหร่ายสไปรูลิน่า (Spirulina Algae)
คณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ข้อมูลว่าสาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นสาหร่ายที่มีโปรตีนสูงถึง 60-70% เมื่อเปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่นๆ เช่นถั่วเหลือง ซึ่งให้โปรตีนเพียง 37%และพบว่าโปรตีนของสาหร่ายสไปรูลิน่า มีปริมาณสูงกว่าเนื้อสัตว์ นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยกรดแกมม่าไลโนเลนิก(GLA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต บรรเทาอาการข้ออักเสบ ปวดประจำเดือน และสิวฝ้า, วิตามิน B12 ซึ่งถ้าขาดวิตามินนี้ก็จะทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้ , วิตามิน A ซึ่งอยู่ในรูปเบตาแคโรทีน มีบทบาทในการลดอนุมูลอิสระ ดังนั้นจึงนำมาใช้เป็นสารต้านมะเร็งชนิดต่างๆ และสาหร่ายนี้ยังเป็นแหล่งที่มีวิตามิน E, วิตามิน C, วิตามิน B1, B12 และไนอาซีนสูง นอกจากวิตามินต่างๆแล้วยังมีเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายอีกมากมาย เช่น ธาตุเหล็ก สังกะสี แมงกานีส ทองแดง เซเลเนียม แคลเซียม และยังประกอบด้วยสีเขียวของคลอโรฟิลล์อีกด้วย จากรายงานการวิจัยของ ดร.มาโกโตะ อูโนะ วิทยาลัยแพทยศาสตร์เกียวโต พิสูจน์ว่าคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในรูปสาหร่าย สไปรูลิน่ามีผลต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและสัตว์ การเผาผลาญอาหาร การหายใจ กระตุ้นสร้างเม็ดเลือดแดง การทำงานของฮอร์โมนและการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
สารอาหารในสาหร่ายสไปรูลิน่า เป็นที่น่าทึ่งมากว่า สาหร่ายสไปรูลิน่า ประกอบด้วยสารอาหารหลากหลายที่ทรงคุณค่ามากกว่าเนื้อสัตว์ และพืชชนิดอื่น ๆ เปรียบเสมือน โรงงานผลิตอาหารของโลกเลยทีเดียว
- มีโปรตีนซึ่งสูงกว่า เนื้อ นม ไข่ ถึง 3 เท่า
- มีกรดอะมิโนครบถ้วน 18 ชนิด และเรียงตัวกันอย่างสมดุล
- อุดมไปด้วยวิตามิน B1, B2, B6, B12 , C , E และ H ซึ่งวิตามิน B12 มีมากกว่าในตับ ถึง 250%
- มีเบต้าแคโรทีนมากกว่าแครอทถึง 20 เท่า
- มีธาตุเหล็กมากกว่าอาหารชนิดอื่น ๆ ถึง 12 เท่า
- มีซีลีเนียม สังกะสี และธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายครบถ้วน
- มีกรดไขมันแกมมาไลโนเลนิก ที่ช่วยลดคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือดถึง170 เท่าของที่มีในน้ำมันพืช
- มีคลอโรฟิลล์ในปริมาณที่มากกว่าพืชชนิดใด ๆ และมากกว่า วีตกราส ถึง 2 เท่า
สาหร่ายสไปรูลิน่า ให้สารอาหารประเภทกรดอะมิโน ที่จำเป็นในปริมาณสูงทั้ง 8 ชนิด ดังนี้
1. ไอโซลูซีน (Isoluecine) ที่ช่วยในการเจริญเติบโตพัฒนาการของความทรงจำ และยังใช้ในการสังเคราะห์ กรดอะมิโนไม่จำเป็นบางตัวในร่างกายอีกด้วย
2. ลูซีน (Luecine) กระตุ้นการทำงานของสมองทำให้กล้ามเนื้อมีกำลังมากขึ้น
3. ไลซีน (Lysine) เป็นโครงสร้างของเซลล์เม็ดเลือด ที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพิ่มความแข็งแรง ให้กับระบบไหลเวียนโลหิต และทำให้การเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกายเป็นไปอย่างปกติ
4. เมไธโอนีน (Methionine) ช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันและกรดไขมัน ทำให้ตับมีสุขภาพดี และยังลดความเครียดของสมอง
5. เฟนินอลานีน (Phynynollanine) ช่วยให้ต่อมไธรอยด์นำไปใช้สร้างไธรอยด์ฮอร์โมนที่ควบคุมพลังงานพื้นฐานของร่างกายที่เรียกว่า BMR
6. เทรโอนีน (Threonoine) ช่วยให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารเป็นปกติ และช่วยให้การดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสโลหิตเป็นไปได้ด้วยดี
7. ทริปโตแฟน (Tryptophan) ทำให้ร่างกายสามารถนำเอาวิตามิน B มาใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งส่งผลทำให้ระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น เชื่อว่าให้ผลในการควบคุมอารมณ์และทำให้ใจเย็นลงได้
8. วาลีน (Valine) กระตุ้นการทำงานของระบบควบคุมอารมณ์ และการประสานงานการทำงานของระบบกล้ามเนื้อ
นอกจากนั้นยังมีวิตามิน B12 ที่พบว่า มีผลดีต่อการสร้างเม็ดเลือด ที่เป็นระบบภูมิต้านทานที่ดีของร่างกาย ให้วิตามินA ในรูปของเบต้าแคโรทีน(Betacarotene) ที่ให้ผลเป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น โดยการกำจัดอนุมูลอิสระ ที่เกิดขึ้น มีวิตามัน B1 เป็นโคเอ็นไซม์ในขบวนการเผาผลาญสารอาหารและรักษาระดับกลูโคสในเลือด วิตามิน E ปกป้องระบบหัวใจและระบบเส้นเลือด ช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายสามารถนำเอาอ๊อกซิเจนไปใช้ได้เป็นอย่างดี และพบว่าให้ผลชะลอความแก่ได้
หนังสือ “The Secret of Spirulina” ได้กล่าวถึงปริมาณโปรตีนของสาหร่ายเกลียวทอง (แห้ง) เมื่อเปรียบเทียบ กับอาหารชนิดอื่น ไว้ดังนี้
สาหร่ายสไปรูลิน่า (spirulina) การค้นคว้าของ นักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสาหร่ายเริ่มมากขึ้นเมื่อพบว่า มีสาหร่ายบางชนิดมนุษย์ได้ใช้เป็นอาหารมานานกว่า 500 ปี ใน ค.ศ.1521 (พ.ศ. 2064) ได้มีรายงานซึ่งพบจากบันทึกของกองทัพคอร์ตเตส (Cortez’s Troops) ว่าชาวเม็กซิกัน กินอาหารเป็นพวกสาหร่ายชนิดหนึ่งโดยชาวพื้นเมืองปลูกในทะเลสาบ (Lake Texcoco) เก็บมาตากแห้งแล้วนำมาขายในตลาดเพื่อใช้เป็นอาหาร ในยุคของการตื่นตัวเรื่องสุขภาพ และความระมัดระวังที่จะเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้มีการศึกษาในหลายสถาบันเพื่อให้ได้อาหารที่เป็นอุดมคติของนักโภชนาการ นำมาซึ่งการค้นพบสาหร่าย พืชขนาดจุลินทรีย์ชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกชื่อต่อมาว่าสาหร่ายสไปรูลิน่า (Spirulina Algae)
คณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ข้อมูลว่าสาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นสาหร่ายที่มีโปรตีนสูงถึง 60-70% เมื่อเปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่นๆ เช่นถั่วเหลือง ซึ่งให้โปรตีนเพียง 37%และพบว่าโปรตีนของสาหร่ายสไปรูลิน่า มีปริมาณสูงกว่าเนื้อสัตว์ นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยกรดแกมม่าไลโนเลนิก(GLA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต บรรเทาอาการข้ออักเสบ ปวดประจำเดือน และสิวฝ้า, วิตามิน B12 ซึ่งถ้าขาดวิตามินนี้ก็จะทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้ , วิตามิน A ซึ่งอยู่ในรูปเบตาแคโรทีน มีบทบาทในการลดอนุมูลอิสระ ดังนั้นจึงนำมาใช้เป็นสารต้านมะเร็งชนิดต่างๆ และสาหร่ายนี้ยังเป็นแหล่งที่มีวิตามิน E, วิตามิน C, วิตามิน B1, B12 และไนอาซีนสูง นอกจากวิตามินต่างๆแล้วยังมีเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายอีกมากมาย เช่น ธาตุเหล็ก สังกะสี แมงกานีส ทองแดง เซเลเนียม แคลเซียม และยังประกอบด้วยสีเขียวของคลอโรฟิลล์อีกด้วย จากรายงานการวิจัยของ ดร.มาโกโตะ อูโนะ วิทยาลัยแพทยศาสตร์เกียวโต พิสูจน์ว่าคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในรูปสาหร่าย สไปรูลิน่ามีผลต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและสัตว์ การเผาผลาญอาหาร การหายใจ กระตุ้นสร้างเม็ดเลือดแดง การทำงานของฮอร์โมนและการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
สารอาหารในสาหร่ายสไปรูลิน่า เป็นที่น่าทึ่งมากว่า สาหร่ายสไปรูลิน่า ประกอบด้วยสารอาหารหลากหลายที่ทรงคุณค่ามากกว่าเนื้อสัตว์ และพืชชนิดอื่น ๆ เปรียบเสมือน โรงงานผลิตอาหารของโลกเลยทีเดียว
- มีโปรตีนซึ่งสูงกว่า เนื้อ นม ไข่ ถึง 3 เท่า
- มีกรดอะมิโนครบถ้วน 18 ชนิด และเรียงตัวกันอย่างสมดุล
- อุดมไปด้วยวิตามิน B1, B2, B6, B12 , C , E และ H ซึ่งวิตามิน B12 มีมากกว่าในตับ ถึง 250%
- มีเบต้าแคโรทีนมากกว่าแครอทถึง 20 เท่า
- มีธาตุเหล็กมากกว่าอาหารชนิดอื่น ๆ ถึง 12 เท่า
- มีซีลีเนียม สังกะสี และธาตุอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายครบถ้วน
- มีกรดไขมันแกมมาไลโนเลนิก ที่ช่วยลดคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือดถึง170 เท่าของที่มีในน้ำมันพืช
- มีคลอโรฟิลล์ในปริมาณที่มากกว่าพืชชนิดใด ๆ และมากกว่า วีตกราส ถึง 2 เท่า
สาหร่ายสไปรูลิน่า ให้สารอาหารประเภทกรดอะมิโน ที่จำเป็นในปริมาณสูงทั้ง 8 ชนิด ดังนี้
1. ไอโซลูซีน (Isoluecine) ที่ช่วยในการเจริญเติบโตพัฒนาการของความทรงจำ และยังใช้ในการสังเคราะห์ กรดอะมิโนไม่จำเป็นบางตัวในร่างกายอีกด้วย
2. ลูซีน (Luecine) กระตุ้นการทำงานของสมองทำให้กล้ามเนื้อมีกำลังมากขึ้น
3. ไลซีน (Lysine) เป็นโครงสร้างของเซลล์เม็ดเลือด ที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพิ่มความแข็งแรง ให้กับระบบไหลเวียนโลหิต และทำให้การเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกายเป็นไปอย่างปกติ
4. เมไธโอนีน (Methionine) ช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันและกรดไขมัน ทำให้ตับมีสุขภาพดี และยังลดความเครียดของสมอง
5. เฟนินอลานีน (Phynynollanine) ช่วยให้ต่อมไธรอยด์นำไปใช้สร้างไธรอยด์ฮอร์โมนที่ควบคุมพลังงานพื้นฐานของร่างกายที่เรียกว่า BMR
6. เทรโอนีน (Threonoine) ช่วยให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารเป็นปกติ และช่วยให้การดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสโลหิตเป็นไปได้ด้วยดี
7. ทริปโตแฟน (Tryptophan) ทำให้ร่างกายสามารถนำเอาวิตามิน B มาใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งส่งผลทำให้ระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น เชื่อว่าให้ผลในการควบคุมอารมณ์และทำให้ใจเย็นลงได้
8. วาลีน (Valine) กระตุ้นการทำงานของระบบควบคุมอารมณ์ และการประสานงานการทำงานของระบบกล้ามเนื้อ
นอกจากนั้นยังมีวิตามิน B12 ที่พบว่า มีผลดีต่อการสร้างเม็ดเลือด ที่เป็นระบบภูมิต้านทานที่ดีของร่างกาย ให้วิตามินA ในรูปของเบต้าแคโรทีน(Betacarotene) ที่ให้ผลเป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น โดยการกำจัดอนุมูลอิสระ ที่เกิดขึ้น มีวิตามัน B1 เป็นโคเอ็นไซม์ในขบวนการเผาผลาญสารอาหารและรักษาระดับกลูโคสในเลือด วิตามิน E ปกป้องระบบหัวใจและระบบเส้นเลือด ช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายสามารถนำเอาอ๊อกซิเจนไปใช้ได้เป็นอย่างดี และพบว่าให้ผลชะลอความแก่ได้
หนังสือ “The Secret of Spirulina” ได้กล่าวถึงปริมาณโปรตีนของสาหร่ายเกลียวทอง (แห้ง) เมื่อเปรียบเทียบ กับอาหารชนิดอื่น ไว้ดังนี้
เนื้อวัว 18-20 %
ถั่วเหลือง 33.35 %
ไข่ 10-25 %
ปลาทู ปลาอินทรีย์ 20 %
ข้าวสาลี 6-10 %
คลอเรลลา 40-56 %
ข้าวเจ้า 7 %
สาหร่ายสไปรูลิน่า 69.5-71 %
ถั่วเหลือง 33.35 %
ไข่ 10-25 %
ปลาทู ปลาอินทรีย์ 20 %
ข้าวสาลี 6-10 %
คลอเรลลา 40-56 %
ข้าวเจ้า 7 %
สาหร่ายสไปรูลิน่า 69.5-71 %
ผลการวิจัยของศาสตราจารย์ ดร.เคนอิชิ อะกัตซูกะ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเมจิ แห่งประเทศญี่ปุ่นที่ปรากฎในหนังสือ “The Secret of Spirulina” พบว่าสาหร่ายสไปรูลิน่ามีลักษณะของความปลอดภัย ดังนี้ คือ
1. เป็นผลิตภัณฑ์ที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง
2. ไม่มีผลข้างเคียง แม้ว่าจะใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานสักเท่าใด
3. แม้ว่าบังเอิญจะกินเข้าไปมากเกินขนาด ก็ไม่เกิดเป็นพิษหรือมีผลข้างเคียง
4. เมื่อใช้เป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและเพิ่มความต้านทานโรค
สาหร่ายสไปรูลิน่าได้รับการประกาศรับรองจากสถาบันชั้นนำของโลกหลายสถาบัน ได้แก่
- ค.ศ. 1967 “THE INTERNATIONAL CONFERENCE ON APPILIED MICROBIOLOGY” ประกาศว่าสาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของมวลมนุษยชาติ
- ค.ศ.1974 UN ประกาศในที่ประชุมอาหารโลกว่าเป็น “THE MOST IDEAL FOOD FOR MANKIND”
- ค.ศ.1974 FAO (Food and Agriculture Organization) แนะนำว่าเป็น “ The Best Food for Tomorrow” ให้กับสาหร่ายสไปรูลิน่า
- ค.ศ.1981 FDA (Food and Druge Admistration) แห่งสหรัฐอเมริการับรองว่าสาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นพิษ
- ค.ศ.1983 IFE (International Food Exposition)ซึ่งจัดทำขึ้นที่ประเทศเยอรมันตะวันออก มอบรางวัล “The Best Natural Food” ให้สาหร่ายสไปรูลิน่า
- ค.ศ.1992 WHO (World Health Organizion) ประกาศแนะนำว่า สาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในคริสต์ศตวรรษที่ 21
ที่ประเทศญี่ปุ่นมีการศึกษาสไปรูลิน่าในด้านเป็นอาหารเสริมวันละ 6-10 กรัม (12 - 20 เม็ด/แคปซูล) ในปริมาณ เช่น เดียวกันนี้ นักกีฬาและนักวิ่ง ฯลฯ ก็จะสามารถเพิ่มพูนกำลังได้เช่นเดียวกัน และสิ่งที่น่าทึ่งอย่างหนึ่งก็คือมีนักปราชญ์ชาวญี่ปุ่นชื่อโทรุ มัทซุอิ สามารถมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่รับประทานอาหารอื่นใดเลย นอกจากสาหร่ายสไปรูลิน่าและสาหร่ายอื่นบ้างเป็นเวลา 15 ปี โดยไม่ปรากฏผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
เราอาจจะพบสาหร่ายสไปรูลิน่าในรูปของเม็ดแคปซูลหรือเป็นผง เราสามารถรับประทานเป็นอาหารเสริมได้หลายรูป แบบ การบริโภคสาหร่ายสไปรูลิน่าจะได้ผลเร็วหรือช้านั้นขึ้นอยู่กับ อายุ ความเครียด นิสัยการบริโภค ปริมาณสารเคมีหรือสารตกค้างในร่างกาย และความรุนแรงของโรค
การบริโภคสาหร่ายในปริมาณที่เพียงพออย่างต่อเนื่อง ปริมาณการออกกำลังกายและการพักผ่อน โดยทั่วไป 3 วันแรก จะมีปฎิกิริยาตอบรับ ร่างกายจะปรับตัวมีการตอบรับที่ดีขึ้น ปัญหาสุขภาพที่มีอยู่จะค่อยๆ ดีขึ้นในเวลา 3-5 เดือน ก็จะฟื้นฟูจนปกติ ยกเว้น ผู้ที่ร่างกายทรุดโทรมมากจนเซลล์ที่ประกอบเป็นอวัยวะเสียไปหมดแล้วก็จะไม่สามารถฟื้นฟูได้ ขอบคุณข้อมูลจาก ม.เกษตรศาสตร์ , ม.ขอนแก่น , หนังสือความลับของสาหร่ายเกลียวทอง และอื่นๆ
1. เป็นผลิตภัณฑ์ที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง
2. ไม่มีผลข้างเคียง แม้ว่าจะใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานสักเท่าใด
3. แม้ว่าบังเอิญจะกินเข้าไปมากเกินขนาด ก็ไม่เกิดเป็นพิษหรือมีผลข้างเคียง
4. เมื่อใช้เป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและเพิ่มความต้านทานโรค
สาหร่ายสไปรูลิน่าได้รับการประกาศรับรองจากสถาบันชั้นนำของโลกหลายสถาบัน ได้แก่
- ค.ศ. 1967 “THE INTERNATIONAL CONFERENCE ON APPILIED MICROBIOLOGY” ประกาศว่าสาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของมวลมนุษยชาติ
- ค.ศ.1974 UN ประกาศในที่ประชุมอาหารโลกว่าเป็น “THE MOST IDEAL FOOD FOR MANKIND”
- ค.ศ.1974 FAO (Food and Agriculture Organization) แนะนำว่าเป็น “ The Best Food for Tomorrow” ให้กับสาหร่ายสไปรูลิน่า
- ค.ศ.1981 FDA (Food and Druge Admistration) แห่งสหรัฐอเมริการับรองว่าสาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นพิษ
- ค.ศ.1983 IFE (International Food Exposition)ซึ่งจัดทำขึ้นที่ประเทศเยอรมันตะวันออก มอบรางวัล “The Best Natural Food” ให้สาหร่ายสไปรูลิน่า
- ค.ศ.1992 WHO (World Health Organizion) ประกาศแนะนำว่า สาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในคริสต์ศตวรรษที่ 21
ที่ประเทศญี่ปุ่นมีการศึกษาสไปรูลิน่าในด้านเป็นอาหารเสริมวันละ 6-10 กรัม (12 - 20 เม็ด/แคปซูล) ในปริมาณ เช่น เดียวกันนี้ นักกีฬาและนักวิ่ง ฯลฯ ก็จะสามารถเพิ่มพูนกำลังได้เช่นเดียวกัน และสิ่งที่น่าทึ่งอย่างหนึ่งก็คือมีนักปราชญ์ชาวญี่ปุ่นชื่อโทรุ มัทซุอิ สามารถมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่รับประทานอาหารอื่นใดเลย นอกจากสาหร่ายสไปรูลิน่าและสาหร่ายอื่นบ้างเป็นเวลา 15 ปี โดยไม่ปรากฏผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
เราอาจจะพบสาหร่ายสไปรูลิน่าในรูปของเม็ดแคปซูลหรือเป็นผง เราสามารถรับประทานเป็นอาหารเสริมได้หลายรูป แบบ การบริโภคสาหร่ายสไปรูลิน่าจะได้ผลเร็วหรือช้านั้นขึ้นอยู่กับ อายุ ความเครียด นิสัยการบริโภค ปริมาณสารเคมีหรือสารตกค้างในร่างกาย และความรุนแรงของโรค
การบริโภคสาหร่ายในปริมาณที่เพียงพออย่างต่อเนื่อง ปริมาณการออกกำลังกายและการพักผ่อน โดยทั่วไป 3 วันแรก จะมีปฎิกิริยาตอบรับ ร่างกายจะปรับตัวมีการตอบรับที่ดีขึ้น ปัญหาสุขภาพที่มีอยู่จะค่อยๆ ดีขึ้นในเวลา 3-5 เดือน ก็จะฟื้นฟูจนปกติ ยกเว้น ผู้ที่ร่างกายทรุดโทรมมากจนเซลล์ที่ประกอบเป็นอวัยวะเสียไปหมดแล้วก็จะไม่สามารถฟื้นฟูได้ ขอบคุณข้อมูลจาก ม.เกษตรศาสตร์ , ม.ขอนแก่น , หนังสือความลับของสาหร่ายเกลียวทอง และอื่นๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น